'ณัฐสินี' ยื่นสอบจริยธรรมร้ายแรง 'สว.หื่น' ปมล่วงละเมิดทางเพศ

'ณัฐสินี' ยื่นสอบจริยธรรมร้ายแรง 'สว.หื่น' ปมล่วงละเมิดทางเพศ

สาวอดีตคนคุยสว. ยื่นร้องจริยธรรม "สว." ล่วงละเมิดทางเพศ ด้าน "ทนาย" ไม่หวั่นอิทธิพลใดๆ มั่นใจได้รับความยุติธรรม ปัดรับงาน สว.สำรอง เลื่อนเก้าอี้

ที่รัฐสภา น.ส.ณัฐสินี ภิญโญปิยวิศว์ ที่ปรึกษาคณะ อนุ กมธ. วุฒิสภา พร้อมด้วยนายรดิศทัต ประภานนท์ ทนายความ  แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อยื่นสอบจริยธรรม "สว.ชาย" ที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศ 

โดยน.ส.ณัฐสินี ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมายื่นฟ้องจริยธรรมร้ายแรงกับสว. ซึ่งตนขอเปิดหน้าที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรม ตนไม่ใช่คนทำผิดไม่ควรกลัว แต่ตนยอมรับว่าขณะนี้กลัวมาก แต่ขอบคุณทุกกำลังใจ

จากนั้น น.ส.ณัฐสินี ได้กล่าวบรรยายเหตุการณ์ด้วยว่า ตนยอมรับว่ารู้จักกับสว.คู่กรณีเป็นการส่วน และเคยคบหากัน แต่มีเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่าทำให้ต้องเลิกคุยกัน โดยไม่สามารถกลับมาคบกันได้อีก สำหรับเหตุที่เกิดนั้นเมื่อ 5 พ.ค. ตนส่งข้อความทักไปแสดงความยินดี
และสว. คนดังกล่าวได้ชวนไปทานอาหาร ซึ่งตนไม่สะดวกจึงขอนัดเป็นร้านขนม ย่านบรรทัดทอง โดยยืนยันว่าไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ และสว. มารับตนที่บ้านพัก และหลังจากที่รับประทานเสร็จ สว.คู่กรณีได้ขับรถไปส่งตนที่บ้าน และระหว่างทางสว.คู่กรณีขอคืนดี แต่ตนปฏิเสธ และขอเป็นเพื่อนกันทั้งนี้ภายในรถมีการดึงแขนล็อคตัวไม่ให้ออกจากรถ ซึ่งตนพยายามกระโดดออกจากรถและขัดขืน แต่ถูกรั้งไว้

น.ส.ณัฐสินี กล่าวต่อว่าส่วนเหตุผลที่เพิ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากที่เหตุการณ์ผ่านไปหลายเดือนนั้น เพราะต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐานต่างๆ ให้รัดกุม เนื่องจากสว.คู่กรณีเป็นผู้ใหญ่ โดยหลังจากที่ตนแจ้งกับสื่อมวลชนว่าจะมายื่นจริยธรรม ทางคู่กรณีไม่ได้ติดต่อตนมาแต่อย่างใด ส่วนคดีความที่แจ้งความที่ สน. เตาปูนจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ยใดๆ ทั้งสิ้น

ขณะที่นายรดิศทัต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่าส่วนของคดีอาญานั้นหลังจากที่แจ้งความแล้วเป็นเรื่องของตำรวจที่จะดำเนินการ เพราะได้แจ้งความในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นคดีอาญาที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ อย่างไรก็ดีในกรณีของการยื่นร้องเรียนจริยธรรมของสว.ที่เป็นคู่กรณี นั้น มีเอกสารและรายละเอียดที่ชี้ให้เห็นพฤติกรรมของสว.คนดังกล่าว ซึ่งถือว่าเข้าข่ายผิดข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสว. และกรรมาธิการ  ข้อที่ 21 ที่กำหนดว่าต้องไม่กระทำอันมีลักษณะเป็นการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับความเดือดร้อนเสียหาย หรือกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดยผู้ถูกกระทำอยู่ในภาวะจำต้องยอมรับในการกระทำนั้น และกรณีที่น.ส.ณัฐสินี ป่วยด้วยโรคพีทีเอสดีนั้นเป็นจริงมีการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญา

'ณัฐสินี' ยื่นสอบจริยธรรมร้ายแรง 'สว.หื่น' ปมล่วงละเมิดทางเพศ

“เรื่องนี้เชื่อว่าจะมีเกิดขึ้นอีกมาก แต่กรณีของน.ส.ณัฐสินีนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ออกมาเปิดหน้าและต่อสู้  ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นเรื่องของอดีตของคนที่คุ้นเคย เป็นรุ่นพี่รู้จักกันมา 20 ปีสามารถส่งข้อความไปสุขสันต์วันเกิดได้  อย่างไรก็ดีการยื่นร้องจริยธรรมต่อคณะกรรมการของวุฒิสภา ที่เป็นพวกเดียวกับกับ สว.คู่กรณีนั้น ผมยังเชื่อว่ากระบวนการตรวจสอบจริยธรรมจะโปร่งใส พราะสว.ที่เป็นคู่กรณีนั้นมีความผิด ส่วนผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม” นายรดิศทัต กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่เกิดขึ้นกังวลเรื่องถูกอิทธิพลข่มขู่หลังจากนี้หรือไม่ นายรดิสทัต กล่าวว่า ตนเพิ่งเข้ารับหน้าที่เป็นทนายความของ น.ส.ณัฐสินี ได้ 2 วัน หลังจากที่ทนายคนเดิมถอนตัวโดยไม่ทราบเหตุผล เพราะได้ดูหลักฐาน คลิปวีดีโอ แล้วยืนยันพร้อมที่จะช่วยลูกความสู้คดี โดยไม่กลัวอิทธิพลใดๆ  เพราะหากกลัวคงไม่กล้าเปิดเผยหน้าต่อสาธารณะ

เมื่อถามว่ากรณีที่มาร้องจริยธรรมหลังจากที่เกิดเหตุมานาน ถูกมองว่าเป็นการรับงานทางการเมือง เพราะมี สว.กลุ่มสำรองต้องการตำแหน่ง นายรดิศทัต กล่าวว่า ยืนยันไม่ใช่เรื่องการเมืองแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานก่อนการแถลงข่าวของ น.ส.ณัฐสินี นั้นได้ล่าช้ากว่าที่นัดหมายสื่อมวลชนไปถึง 1 ชั่วโมง เพราะน.ส.ณัฐสินีมีอาการเข่าอ่อนและจะเป็นลม  ทั้งนี้ช่วงหนึ่งที่น.ส.ณัฐสินี นั่งพักได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า ตนเป็นโรคพีทีเอสดี หรือโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ  และหลังจากที่แถลงกับสื่อมวลชน ประมาณ 5 นาที น.ส.ณัฐสินีมีอาการจะเป็นลมอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของวุฒิสภา ได้พานั่งรถเข็นไปห้องพยาบาลทันที 

'ณัฐสินี' ยื่นสอบจริยธรรมร้ายแรง 'สว.หื่น' ปมล่วงละเมิดทางเพศ