แซ่จึงสองสี 'สุริยะ-ธนาธร' 2 นครา การเมืองเก่า VS ใหม่

ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องปมคลิปเสียง และสั่งให้ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ และบุคคลที่ทำหน้าที่รักษาราชการแทน คือ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ซึ่งสุริยะ เป็นผู้นำ ครม.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่

บนสถานการณ์การเมืองเปราะบาง พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชน ต่างประสานเสียงวิพากษ์ “ตุลาการภิวัฒน์” และไม่เอา “กองทัพภิวัฒน์”

อินฟลูฯ สายอนุรักษนิยม จึงเริ่มแฉทฤษฎีสมคบคิด ระหว่าง “ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ” 2 สาย “สุริยะ-ธนาธร” ปัดฝุ่นดีลฮ่องกง(แดง-ส้ม) เหมือนหลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566

ปัจจุบัน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ประสบความสำเร็จในการผลักดันหลานชาย พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ นั่งเก้าอี้ รมว.แรงงาน

ส่วน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคสีส้ม ออกมาเสนอให้พรรคเพื่อไทยเลือกยุบสภา เป็นทางออกที่ดีที่สุดในภาวะฝุ่นตลบเช่นนี้

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2568 ก่อนวันเชือดภูมิใจไทย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ร่วมยืดเส้นยืดสายกับทักษิณ ชินวัตร ที่สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สทฯ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

นัยว่า วันนั้นเป็นการวางเกมตัดจบ “ยึดมหาดไทย” และให้กำลังใจสมศักดิ์ ในฐานะขุนศึกที่กล้าท้าชนแพทยสภาฯ

เหนืออื่นใด สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สทฯ อยู่ในการดูแลของโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ บิดาของ พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน

แซ่จึง-สายประชาชน

หากใครศึกษาเส้นทางคนแซ่จึง ก็จะพบว่า “อาเจ๊ก” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และหลานชาย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีความแตกต่างกัน ทั้งจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองมานานกว่า 2 ทศวรรษแล้ว

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าสู่วงการเมืองเป็นคนแรกของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ในตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ปี 2536 และขยับนั่งเก้าอี้ รมช.อุตสาหกรรม รัฐบาลชวน ปี 2541 ในโควตาพรรคกิจสังคม

ระหว่างนั้น “เอก” ธนาธร ลูกชายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ เรียนหนังสือที่ธรรมศาสตร์ สนุกกับการเป็นแอคติวิสต์ และเข้าร่วมการต่อสู้ของภาคประชาชน จึงไม่เห็นด้วยกับวิถีการเมืองเก่าแบบ “อาเจ็กสุริยะ”

ธนาธรให้สัมภาษณ์นิตยสารคดี เมื่อปี 2550 ว่า สมัยรัฐบาลชวน 2 สุริยะเป็น รมช.อุตสาหกรรม ทั้งอาหลานมีความเห็นต่างต่อโครงการก่อสร้างท่อก๊าซไทย-มาเลย์

“...ทะเลาะกับคุณอา(สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ)บ่อยมาก เพราะตอนนั้นคุณอาเป็นรัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม จะเจอกันตามงานครอบครัว งานเช็งเม้ง ไหว้อากง เจอกันทีไร ก็ทะเลาะกันทุกที”

ไม่เฉพาะกับอาเจ๊กสุริยะ รวมไปถึงบิดา พัฒนา และมารดา สมพร ก็มีความเห็นต่อวิถีเอ็นจีโอของลูกชาย

แซ่จึง-สายการเมืองเก่า

เมื่อครั้งที่ธนาธรให้สัมภาษณ์นิตยสารคดี มีคำถามสุดท้ายที่ว่า หากพ่อ(พัฒนา) ยังมีชีวิตอยู่ เขาจะเลือกเดินทางสายไหน

“ถ้าพ่อผมยังอยู่ บวกลบคูณหารแล้ว คงไม่ได้กลับมาที่นี่(ไทยซัมมิท)แน่นอน ก็คงยังอยู่ในแนวทางภาคประชาชนต่อไป”

สำหรับ พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ เห็นดีเห็นงามให้น้องชาย-สุริยะ ไปอยู่กับ สมศักดิ์ เทพสุทิน และร่ำเรียนวิชาการเมืองจากมนตรี พงษ์พานิช

3 ทศวรรษที่แล้ว สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สท กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นของนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง จึงมีรัฐมนตรี สส. และนักธุรกิจมาออกรอบตีกอล์ฟเป็นประจำ

ปี 2534 บริษัท ซัมมิทโอโตซีท อินดัสตรี จำกัด เข้ามาขอซื้อกิจการสนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สทฯ เพราะสรรเสริญ จุฬางกูร อยากมีสนามกอล์ฟส่วนตัว โดยมอบให้น้องชาย โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นคนดูแลพัฒนาจึงออกรอบตีกอล์ฟร่วมกับ มนตรี พงษ์พานิช และ เสนาะ เทียนทอง อยู่เป็นประจำที่สนามกอล์ฟแห่งนี้

วันที่สุริยะ และสมศักดิ์แถลงเปิดตัวกลุ่มสามมิตร เมื่อปี 2561 ก็ใช้สนามกอล์ฟไพน์เฮิร์สทฯ เป็นแหล่งรวมพลอดีต สส. 60 กว่าคน ก่อนตบเท้าเข้าพรรคพลังประชารัฐ

ตัดกลับมาที่พรรคเพื่อไทยในวันนี้ ทักษิณฝากความหวังไว้กับสุริยะ จะเป็นผู้ดูแลภาคอีสาน ซึ่งเป็นสมรภูมิเลือกตั้งที่มี สส.มากที่สุด และต้องเจอคู่แข่งอย่างพรรคภูมิใจไทย

การเลือก “โฟม” พงศ์กวิน เป็น รมว.แรงงาน ไม่ใช่แค่ความเป็นหลานสุริยะ หากแต่โฟมเป็นลูกชายเสี่ยโกมล มีทรัพยากรมากพอที่จะดูแลสนามเลือกตั้งเมืองหลวงในสมัยหน้า