ชำแหละ '4 ก๊กการเมือง' ปฏิบัติการดีลลับ ดีลลวง 'ชิงอำนาจรัฐ'

ชำแหละ '4 ก๊กการเมือง' ปฏิบัติการดีลลับ ดีลลวง 'ชิงอำนาจรัฐ'

"4 ก๊กการเมือง" ที่จะชี้ชะตา“ประเทศไทย” ซึ่งแต่ละก๊กกำลังซุ่มเปิด"ดีลลับ-ดีลลวง" เพื่อหวังอยู่ในอำนาจรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ลุ้นระทึก เก้าอี้นายกฯ“แพทองธาร”  

KEY

POINTS

  • การเมืองไทยถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้วอำนาจหลัก ได้แก่ "ก๊กค่ายแดง" (เพื่อไทยและพันธมิตร), "ก๊กค่ายส้ม" (พรรคประชาชน), "ก๊กค่ายน้ำเงิน" (ภูมิใจไทยและพลังประชารัฐ), และ "ก๊กพรรคอนุรักษ์" ที่กำลังต่อรองเพื่อชิงอำนาจรัฐ
  • พรรคภูมิใจไทย ("ก๊กค่ายน้ำเงิน") เปิดเกมเจรจากับพรรคประชาชน ("ก๊กค่ายส้ม") เพื่อเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว หากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
  • พรรคประชาชนตั้งเงื่อนไขในการสนับสนุนนายกฯ ชั่วคราว ว่าต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มี ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด จากนั้นจึงยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่
  • "ก๊กค่ายแดง" ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดด้วยเสียง 184 เสียง ยังคงพยายามรักษาอำนาจไว้ ขณะที่ "ก๊กพรรคอนุรักษ์" (74 เสียง) เป็นตัวแปรสำคัญที่พร้อมจะร่วมมือกับขั้วอื่น ยกเว้นขั้วที่มีพรรคประชาชนร่วมอยู่ด้วย

การเมืองเข้าสู่โหมดวัดใจ ชิงไหวชิงพริบ แบ่งพรรค แยกพวก หวังช่วงชิง “อำนาจรัฐ” ภายหลัง นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร และอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เพลี่ยงพล้ำกลศึก จนเปิดช่องให้ “ขั้วค้าน-ขั้วแค้น” โดยเฉพาะ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ยื่นร้อง“ศาลรัฐธรรมนูญ” ปมคลิปเสียง “ฮุน เซน” จนนายกฯต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

จังหวะเข้าทาง “พรรคภูมิใจไทย” เปิดเกมดีล “พรรคประชาชน” ชงยืมมือโหวตให้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นั่งเก้าอี้ “นายกฯชั่วคราว” หาก “แพทองธาร” โดน “ศาลรัฐธรรมนูญ” สอยพ้นเก้าอี้นายกฯ

“พรรคส้ม” ยื่นเงื่อนไขให้ “นายกฯชั่วคราว” ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มี ส.ส.ร. จากการเลือกตั้งทั้งหมด ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยพ่วงคำถาม “ประชามติ” กับพร้อมกับการกาบัตรเลือกตั้ง หลังจากนั้นให้ “ยุบสภาฯ” เพื่อจัดการเลือกตั้ง สส.

เงื่อนไขของ “พรรคประชาชน” ส่งตรงไปถึง “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งอยู่ในสถานะเข้าตาจน เพราะต้องการกลับมาถืออำนาจรัฐให้เร็วที่สุด จึงต้องเดินเกมเร็ว วิ่งทุกช่องทาง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า “รัฐธรรมนูญปี 2560” เป็นของหวง “หัวขบวนอนุรักษ์” การจะแก้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เช่นเดียวกับ “พรรคประชาชน” ท่องคาถา “ยุบสภา” หวังให้เลือกตั้งเร็วที่สุด เพราะมั่นใจว่า “กระแส” จะช่วยให้ได้เก้าอี้ สส.เพิ่มอย่างแน่นอน

แตกต่างจาก “ขั้วรัฐบาล” แม้จะหนักใจกับคำสั่ง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ยังเลือกอยู่ในที่ตั้ง คอยอ่านสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ

“กรุงเทพธุรกิจ” แยก "ก๊ก-ก๊วน"การเมือง พร้อมมองทิศทางของแต่ละกลุ่ม ว่ามีแนวโน้มจะตัดสินใจอย่างไร หากสถานการณ์ลากเข้าสู่ทางที่ต้องเลือก

“ก๊กค่ายแดง” ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย มี 142 เสียง “ทักษิณ - แพทองธาร” ค่อนข้างมั่นใจว่า 142 สส. ไม่มี “สส.งูเห่า” เพราะที่ผ่านมา “บิ๊กเนมค่ายแดง” เลี้ยงดูปูเสื่อเป็นอย่างดี

พรรคกล้าธรรม มี 31 เสียง (ย้ายมาจากพรรคไทยสร้างไทย 3 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง และพรรคประชาชน 1 เสียง) แนวโน้มของ “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์พรรค ไม่พลิกขั้ว ไม่ทิ้ง “ทักษิณ” แน่นอน

พรรคประชาชาติ มี 9 เสียง ถูกมองว่าเป็น “พรรคพี่ - พรรคน้อง” กับ “เพื่อไทย” ซึ่งแยกกันไม่ออกอยู่แล้ว เนื่องจากเจตนารมณ์ของการตั้งพรรค เพื่อโกย สส. 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนพรรคตระกูลชินวัตร ที่ภาพลักษณ์ในพื้นที่ติดลบ

พรรคไทรวมพลัง 2 เสียง ถือเป็นพรรคเครือข่าย “เพื่อไทย” อีกพรรค เนื่องจากมีเงาของ “บิ๊กโรงแป้ง” ซึ่งมีคนในครอบครัวนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีอยู่เบื้องหลัง

รวมแล้ว “ก๊กค่ายแดง” จะมีมิตรแท้ จำนวน 184 เสียง กลายเป็นก๊กใหญ่ที่สุดในกระดานการเมืองตอนนี้ หากจับมือกันแข็งแรง โอกาสที่จะรักษาอำนาจรัฐเอาไว้ได้มีสูง

“ก๊กค่ายส้ม” ประกอบด้วย พรรคประชาชน มี 142 เสียง ชั่วโมงนี้ค่อนข้างไว้ใจได้ว่า “งูเห่าสีส้ม” แทบจะไม่มี เพราะหากมี “เจ้าของฟาร์มงู” ฝากเลี้ยงเอาไว้ คงดึงไปรวม “ขั้วรัฐบาล” นานแล้ว

พรรคไทยสร้างไทย 1 เสียง และ พรรคเป็นธรรม 1 เสียง ยืนหยัดอยู่ร่วมกับ “พรรคประชาชน” เพราะต่างมีข้อจำกัดของตัวเอง จึงไม่ใช่ตัวเลือกของ “ก๊กคู่แข่ง”

ทำให้ “ก๊กค่ายส้ม” จะมีเสียง สส. 144 เสียง แม้จะจำนวนเสียงจะเป็นตัวแปรทางการเมือง แต่การก้าวสู่อำนาจยังไม่ใช่ไทม์มิ่งที่เหมาะสม เพราะหากเดินออกนอกลู่นอกทาง มีโอกาสที่ทำให้สูญเสียคะแนนนิยมจาก “ฐานเสียง-แฟนคลับ”

“ก๊กค่ายน้ำเงิน” ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย 71 เสียง (ย้ายมาจากพรรคไทยสร้างไทย 2 เสียง) บรรดา สส. พรรคภูมิใจไทย เกือบทั้งหมดแถวตรง ไม่มี สส. คนใด ต้องการเป็นศัตรูกับ “ครูใหญ่” เพราะหากเลือกเดินออกจากพรรค อาจเสี่ยงโดนเล่นงานในภายหลัง

พรรคพลังประชารัฐ 19 เสียง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค กระเป๋าหนักมัดใจ “สส.เลือดแท้” ให้สังกัดบ้านป่าฯจนไม่อยากหนีไปไหน

เมื่อรวมกันแล้ว “ก๊กค่ายน้ำเงิน” จะมี 90 เสียง “พรรคภูมิใจไทย” คิดใหญ่ - ทำใหญ่ หลังจับมือกับ “ก๊กค่ายส้ม” 144 เสียง รวมแล้ว 234 เสียง หวังล้ม “ก๊กค่ายแดง” แต่ยังต้องเติมเสียงจาก “ก๊กพรรคอนุรักษ์” อยู่ เพราะเสียงที่มียังไม่ถึงกึ่งหนึ่ง (248 เสียง)

“ก๊กพรรคอนุรักษ์” ประกอบด้วย รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง ภายในพรรคแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก “กลุ่มหัวหน้าพี - เลขาฯขิง” มี 18 เสียง “กลุ่มสุชาติ - นายทุน” มี 18 เสียง แม้จะมีอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน แต่สามารถดีลร่วมได้กับก๊กอื่น ยกเว้น “ก๊กค่ายส้ม”

พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง มี 4 เสียง ที่ไม่เอาด้วยกับ “ก๊กค่ายแดง” แต่โอกาสร่วมกับ “ก๊กค่ายส้ม” แทบเป็นศูนย์ จึงต้องจับตาทิศทางของ “พรรคแดนสะตอ”

พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง แม้จะถูกมองว่าเป็น “พรรคปลาไหล” แต่ฟันธงได้ว่า “ชาติไทยพัฒนา” ไม่ร่วมกับ “ก๊กค่ายส้ม” แน่นอน

พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง แม้จะถูกจัดอยู่ในก๊กพรรคอนุรักษ์ แต่ความสัมพันธ์ของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” กับ “ทักษิณ” ล้ำลึกจนเกือบจะเป็นเนื้อเดียวกัน

รวมกันแล้ว “ก๊กพรรคอนุรักษ์” จะมี 74 เสียง มีโอกาสจับมือกับ “ก๊กค่ายแดง” และ “ก๊กค่ายน้ำเงิน” แต่หาก “ก๊กค่ายน้ำเงิน” ต้องยืมเสียงจาก “ก๊กค่ายส้ม” ต้องวัดใจว่า “ก๊กพรรคอนุรักษ์” จะเอาด้วยหรือไม่ เพราะหากปรากฏเงา “สีส้ม” เป็นแบ็คอัปให้ “สีน้ำเงิน” บรรดาก๊กพรรคอนุรักษ์ มีหวังแต้มการเมืองลดน้อยลงแน่นอน

ทั้งหมดคือ "4 ก๊กการเมือง" ที่จะชี้ชะตา“ประเทศไทย” ซึ่งแต่ละก๊กกำลังซุ่มเปิด"ดีลลับ-ดีลลวง" เพื่อหวังอยู่ในอำนาจรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ลุ้นระทึก ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดเก้าอี้นายกฯ“แพทองธาร”