ร้อง ป.ป.ช.สอย 'สุริยะ-อิ๊งค์' ผิดจริยธรรม เข้าถวายสัตย์มิบังควร

ร้อง ป.ป.ช.สอย 'สุริยะ-อิ๊งค์' ผิดจริยธรรม เข้าถวายสัตย์มิบังควร

'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบ 'สุริยะ' เมื่อครั้งรักษาการนายกฯ พ่วง 'แพทองธาร' ปมเข้าถวายสัตย์มิบังควร ส่อผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ โดนศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

KEY

POINTS

  • นายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ตรวจสอบนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรง
  • ประเด็นหลักคือการที่นายสุริยะ (รักษาการนายกฯ) นำ น.ส.แพทองธาร ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
  • การสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.แพทองธาร มีสาเหตุจากกรณีคลิปสนทนากับนายฮุนเซน ซึ่งศาลรับไว้พิจารณาว่าอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ
  • ผู้ร้องเรียนชี้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการไม่สมควร และควรจะรอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสิ้นสุดก่อน เพื่อแสดงความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม

เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีกล่าวหา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เมื่อครั้งเป็นรักษาการนายกฯและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ (หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว) และ รมว.วัฒนธรรม กรณีการนำบุคคลซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์อันมิบังควร เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

นายศรีสุวรณ ระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ประธานวุฒิสภาเสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น)สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ 5๕) และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย กรณีมีคลิปเสียงโทรศัพท์ไปสนทนากับนายฮุน เซน เป็นการส่วนตัวอันกระทบกระเทือนต่ออำนาจอธิปไตยของชาติ ถือได้ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์รับเรื่องไว้พิจารณาและสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หนุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 ที่ผ่านมา แม้จะมีพระราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ น.ส.แพทองธาร เป็น รมว.วัฒนธรรมอีกตำแหน่งหนึ่งในวันเดียวกันก็ตาม แต่เนื่องจากเรื่องของจริยธรรมนั้น ย่อมมีศักดิ์สูงกว่ามาตรฐานกฎหมาย

เมื่อมีข้อกล่าวหาว่าไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดไร้จริยธรรม สมคบผู้นำต่างชาติ ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ น.ส.แพทองธารควรที่จะชะลอไม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งเป็นพิธีการที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีต่อประมุขของชาติ ควรรอจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามคำร้อง แล้วจึงเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในภายหลังก็จะถูกต้องเหมาะสม แสดงจิตสำนึกของผู้นำ และเป็นวัฒนธรรมที่ดีของกระทรวงวัฒนธรรมไทย

แต่ทว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกฯ (ในขณะนั้น) กลับนำ น.ส.แพทองธาร และคณะรัฐนนตรีคนอื่น ๆ เข้าเฝ้าถวายสัตย์เมื่อเที่ยงวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงเป็นการกระทำที่มิบังควร อันอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง และยังไม่แยแสต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ยังกลับมาปฏิบัติหน้าที่โดยเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระพิเศษเมื่อบ่ายวันเดียวกันและเข้าปฏิบัติหน้าที่ในกระทรวงวัฒนธรรมในเช้าวันนี้อันถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว

"พฤติการณ์และการกระทำของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งสองดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะต้องไต่สวนสอบสวนและส่งให้ศาลฎีกาวินิจฉัยลงโทษตามครรลองของกฎหมายองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินจึงนำความมาร้องเรียนในวันนี้" นายศรีสุวรรณ ระบุ