ปชน.วางเกม 'นายกฯเฉพาะกิจ' แลกเงื่อนไขแก้ รธน.ก่อนเลือกตั้ง

ปชน.วางเกม 'นายกฯเฉพาะกิจ' แลกเงื่อนไขแก้ รธน.ก่อนเลือกตั้ง

พรรคประชาชนวางเกม 'นายกฯเฉพาะกิจ' พร้อมโหวตให้ ‘น้ำเงิน-แดง’ แลกเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้ง 6 เดือนผ่าทางตันการเมือง “ยุบสภาฯ” คืนอำนาจประชาชน

KEY

POINTS

  • พรรคประชาชนวางเกม 'นายกฯเฉพาะกิจ'
  • พร้อมโหวตให้ ‘น้ำเงิน-แดง’ แลกเงื่อนไขแก้รัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้ง
  • 6 เดือนผ่าทางตันการเมือง “ยุบสภาฯ” คืนอำนาจประชาชน

ครม.แพทองธาร ชินวัตร 1/2 เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯเรียบร้อยแล้ว พร้อมเริ่มงานใหม่ “แพทองธาร” ในฐานะ รมว.วัฒนธรรม กลับเข้าประชุม ครม.อีกครั้ง แม้จะไม่ได้นั่ง “หัวโต๊ะ” เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หลังรับคำร้องกรณีกล่าวหาปมคลิปเสียงเจรจา “ฮุน เซน

ทว่า“รัฐนาวาเพื่อไทย” ยังขับเคลื่อนงานบริหารราชการแผ่นดินต่อไป โดยมี “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะ “รักษาการนายกฯ” ลุยงานต่อ พร้อมกระชับอำนาจ สานนโยบายต่าง ๆ อย่างไร้รอยต่อ ท่ามกลางกลเกม “นิติสงคราม” จากฝ่ายอนุรักษนิยม และ “ก๊กส้ม” ผสม “ก๊กน้ำเงิน”

เงื่อนปมที่น่าสนใจ ความเคลื่อนไหวจากพรรคประชาชน (ปชน.) เดิมที่อยู่นอกสมการจัดตั้งรัฐบาล แต่ปัจจุบันกลับมาแรง และกลายเป็น “คีย์แมน”ในการ “ผ่าทางตัน” การเมืองไทย 

โดยเมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ปชน.นัดประชุม สส.พรรค และได้หารือกันถึง “ฉากทัศน์” ทางการเมืองหลายรอบ สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า 

1.พรรค ปชน.พร้อมสู้ในสนามการเลือกตั้งครั้งหน้า หากมีการยุบสภาฯเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยปลุกเร้า สส.ให้ต่อสู้กับบรรดา “บ้านใหญ่” ที่จะรุมกินโต๊ะ อย่างไม่ต้องเกรงกลัว

2.พรรค ปชน.ยืนยันจุดยืน การเมืองไทยขณะนี้ต้องมีการ “ยุบสภาฯ” เกิดขึ้นในทันที หรือโดยเร็วที่สุด เนื่องจาก “แพทองธาร” และรัฐบาลชุดนี้ หมดความชอบธรรมทางการเมืองไปแล้ว โดยจุดยืนนี้มิใช่แค่กับพรรค ปชน. แต่เป็นจุดยืนร่วมกันของทุก“องคาพยพสีส้ม” ทั้งคณะก้าวหน้า ทีมงานเครือข่าย และบรรดาแฟนคลับ “ด้อมส้ม”

3.หากไม่มีการยุบสภาฯเกิดขึ้น ปชน.พร้อมเป็นตัวแปรสำคัญในการโหวตเลือก “นายกฯคนใหม่” ตามบัญชีแคนดิเดตของพรรคการเมืองที่แจ้งไว้กับ กกต. โดยขณะนี้เหลืออยู่ 4 คน เท่าที่มีเงื่อนไข สส.ครบในสภาฯ ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 1 คนคือ ชัยเกษม นิติสิริ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) 2 คนคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 1 คนคือ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และพรรคภูมิใจไทย 1 คนคือ อนุทิน ชาญวีรกูล 

ส่วน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เนื่องด้วย สส.พปชร.มีแค่ 19 คน ไม่ครบร้อยละ 5 ของสภาฯ ทำให้ไม่สามารถชงขึ้นมาให้สภาฯโหวตได้ เว้นแต่ได้เสียงจากพรรคอื่นช่วยยกมือ

โดยเงื่อนไขสำคัญที่ “พรรคส้ม” จะโหวตให้นายกฯคนใหม่คือ ต้องแก้ไขสถานการณ์ในประเทศโดยด่วน พร้อมทั้งลุยดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งทั้งหมด ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ ให้ “ยุบสภาฯ” คืนอำนาจแก่ประชาชน ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน 

โดย ปชน.จะไม่ร่วมเป็น ครม.หรือร่วมรัฐบาลด้วยแม้แต่คนเดียว และถ้ามีการ “บิดพลิ้ว” ขึ้นมา ปชน.พร้อมจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โหวตคว่ำรัฐบาล เพื่อโหวตเลือกนายกฯใหม่ที่เหลืออีกครั้ง

ในการประชุม สส.ปชน.เมื่อ 2 ก.ค.ดังกล่าว มีการหยิบยกฉากทัศน์กรณีการโหวตเลือกนายกฯใหม่ โดยหากรักษาการนายกฯยื้อ ไม่ยอมยุบสภาฯ จนกระทั่ง “แพทองธาร” ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นเก้าอี้นายกฯ จะทำให้เกิด “สุญญากาศทางการเมือง” ท่ามกลางพรรคร่วมรัฐบาลที่เสียงปริ่มน้ำ และแตกแยกร้าวลึกหลายกลุ่มขั้ว สุ่มเสี่ยงเปิดช่องให้ “อำนาจนอกระบบ” เข้ามาแทรกแซงได้

ปชน.จึงเดินหมากพร้อมโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ ตามบัญชีแคนดิเดตพรรคการเมือง โดยมีการคาดหมายไว้ 2 กรณีด้วยกัน ได้แก่ 

1.พรรคเพื่อไทย ชงชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตคนสุดท้ายของพรรค นั่งเก้าอี้นายกฯ พรรค ปชน.ก็พร้อมโหวตให้ แต่ต้องดำเนินการตามเงื่อนไขข้างต้น แต่ปัญหาคือ พรรคเพื่อไทย ขณะนี้ติด “เดดล็อก” ทางการเมือง เนื่องจากประชาชนไม่ไว้วางใจจากกรณี “คลิปเสียง” ดังนั้นการดีลกับพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือ จะหาเสียงมาเติมให้ครบได้หรือไม่

2.พรรคภูมิใจไทย ในฐานะ “ฝ่ายค้านน้องใหม่” ชงชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ โดย ปชน.พร้อมจะโหวตให้ และไม่ร่วมรัฐบาล พร้อมขอให้ดำเนินการตามเงื่อนไขข้างต้นเช่นเดียวกัน 

ว่ากันว่าในกรณีนี้ มีการต่อสายคุยเบื้องต้นแล้วระหว่าง “ผู้นำทางจิตวิญญาณสีส้ม” และ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” ที่คราวนี้ “รับสาย” ไม่เหมือนตอนฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลปี 2566

สอดรับกับคำให้สัมภาษณ์ของ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ปชน.เผยไต๋ว่า ที่ผ่านมาได้ “คุยกันตลอด” กับ “อนุทิน” ถึงสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ 

เช่นเดียวกับ ชุติพงษ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง ในฐานะ “แม่ทัพภาคตะวันออก” ของ ปชน. โพสต์เล่าเบื้องหลังการประชุม สส.โดยระบุตอนหนึ่งว่า ในสถานการณ์พิเศษนี้ ต้องมีการส่งใครสักคนตามกฎหมายที่เหลืออยู่ ไปทำภารกิจผ่าทางตัน เพื่อแก้รัฐธรรมนูญและยุบสภาเท่านั้น ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีก ถ้าเราจะโหวตนายกฯเฉพาะกิจดังกล่าว ก็คือเป็นการโหวตเพื่อออกจากวิกฤติการเมือง และแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น แล้วคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจกันใหม่ 

คำถามคือ เราจะเชื่อได้อย่างไรว่า นายกฯที่มาเพื่อยุบสภา เกิดไม่ยอมยุบสภาฯแล้วทำหน้าที่ต่อ เพราะเราเห็นการตระบัดสัตย์กันมาตลอด หลังเลือกตั้ง 2566

คำตอบคือ เมื่อเราไม่มีพันธะผูกพันในการร่วมรัฐบาล เสียงของเราจึงอยู่ในฐานะไม่ร่วมรัฐบาล เราจะไม่เอาเก้าอี้ ครม.เลย แม้แต่เก้าอี้เดียว และพร้อมโหวตล้มนายกฯชั่วคราวทันที ถ้าไม่มีการทำตามที่ให้สัญญาไว้ เพราะในสถานการณ์นั้น ถ้าไม่มีเสียงของพรรคประชาชนที่โหวตส่งนายกฯเฉพาะกิจขึ้นไป รัฐบาลนั้นก็จะกลายเป็นเสียงข้างน้อย และล้มทันทีเช่นกัน

“ดังนั้น ถ้าจะเอาเสียงพรรคประชาชน แคนดิเดตนายกฯที่จะมาทำหน้าที่ ก็ต้องรับเงื่อนไขนี้ให้ได้เหมือนกัน ไม่ว่าแคนดิเดตจะมาจากพรรคไหนก็ตาม ซึ่งคนที่เหลือถ้าดูตามบัญชี และความเป็นไปได้ ก็คงมีแค่คุณชัยเกษม กับคุณอนุทิน คนใดคนหนึ่งที่พร้อมฟังเงื่อนไขเหล่านี้ ในกรณีที่ต้องตั้งรัฐบาลใหม่” ชุติพงษ์ ระบุ

อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวของ “ก๊กส้ม” ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้รับการตอบรับเท่าที่ควรจากบรรดา “คนใกล้ชิด-มหามิตร” ทางการเมือง รวมถึง “ด้อมส้ม” ประเภทพันธุ์แท้-พันธุ์ทางทั้งหลาย เพราะมองว่าการดันทุรังยอม “เกี้ยเซียะ” กับ “ก๊กน้ำเงิน” คล้าย ๆ จะเป็นการ “ตระบัดสัตย์” กับประชาชนหรือไม่

ประเด็นที่ต้องตามถัดไป ถ้า ปชน.ยกมือโหวตให้ “อนุทิน” นั่งเก้าอี้นายกฯ แล้ว “ก๊กน้ำเงิน” จะทำตามเงื่อนไข “พรรคส้ม” ที่วางไว้ได้จริงหรือ เพราะด้วยหลายสารพัดปัจจัยรุมเร้าตอนนี้ ทั้งกรณี “เขากระโดง” ที่แต่เดิมเป็น มท.1 ไม่ต้องหวั่นเกรงอะไร แต่คราวนี้คนจาก “ก๊กแดง” มานั่ง มท.1 ก็หวั่นโดนล้วงลูก หรือกรณี “ฮั้ว สว.” ที่ยังถูก กกต.สอบสวน สาวลึกข้อมูลในทุกขณะ เป็นต้น

นี่ยังไม่นับ “ทุนทรัพย์” แน่นอนว่า ถ้ามีการยุบสภาฯตอนนี้ “ก๊กน้ำเงิน” พร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง แต่ถ้าทอดเวลายื้อออกไป ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหน จะยังมี “ทุนทรัพย์” พร้อมสู้ในสมรภูมิเลือกตั้งหรือไม่ ดังนั้นถ้ายังไม่มีเลือกตั้งตอนนี้ ก็ขอทำทุกวิถีทางเพื่อกลับเข้าสู่อำนาจดีกว่า

ดังนั้นแผนของ “ก๊กน้ำเงิน” หากได้เถลิงบัลลังก์สู่อำนาจแล้ว ต้อง “กระชับอำนาจ” ให้กลับมาอยู่ใน“เครือข่าย”อีกครั้ง นอกจากนี้ คอการเมืองน่าจะทราบกันดีว่า พรรคนี้ “เขี้ยวลากดิน” ขนาดไหน แม้แต่ “อดีตนายใหญ่”ยังโดน “มันจบแล้วครับนาย” มาแล้ว

แม้ ปชน.จะวางเงื่อนไข ขู่โหวตซักฟอก คว่ำนายกฯ-รัฐบาลก็ตาม แต่ยี่ห้อ “ครูใหญ่สีน้ำเงิน” มีหรือจะไม่รู้ และคาดว่าคงเตรียมหาช่องทางแก้เกมของพรรคส้มไว้หมดแล้ว เหลือแค่ “พรางตัว” ยอมเดินตามเกมของ“ก๊กส้ม” อย่างน้อยก็แค่ในตอนนี้ 

ส่วนบทสรุปสุดท้าย “ก๊กส้ม” จะโดน“วางงาน” ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกครั้งหรือไม่ ต้องรอดู