แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ‘ปชน. - ภท.’ ปูทาง ‘ดีลเปลี่ยนขั้ว’?

แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ‘ปชน. - ภท.’ ปูทาง ‘ดีลเปลี่ยนขั้ว’?

การร่วมงานของ "ภท." และ "ปชน." ไม่ใช่โดยความสมัครใจ หลายเรื่องในอดีตทั้ง 2 พรรคมีรอยแค้นระหว่างกัน แต่ต้องแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง เพื่อปูทางสู่ตัวเลือกใหม่การเมือง

KEY

POINTS

Key Point :

  • การลงเรือร่วมฝ่ายค้าน ระหว่าง "พรรคภูมิใจไทย" กับ "พรรคประชาชน" ไม่อยู่ในภาวะที่สมัครใจ
  • ที่ผ่านมาทั้ง 2 พรรค มีจุดยืนต่างกันคนละขั้วในบางเรื่อง
  • และในหลายวาระที่ผ่านมา "พรรคภูมิใจไทย" เลือกที่จะขวางทาง "พรรคสีส้ม" ไม่ให้บรรลุเป้าหมาย
  • ทั้ง ขวาง "พิธา" นั่งนายกฯ กดดันทำให้เกิดการสลับขั้วรัฐบาลเพื่อไทย
  • ขวางแก้กฎหมายประชามติ จนไทม์ไลน์แก้รัฐธรรมนูญของ "พรรคประชาชน" ต้องสะดุด และไม่ทันเห็นรัฐธรรมนูญใหม่ในสภาชุดปัจจุบัน
  • ทว่ารอยแค้นที่ถูกฝังไว้ ในขณะนี้ต้องใช้กระบวนการ "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" เพื่อปูทางไปสู่ "ดีล และตัวเลือก" ทางการเมืองใหม่ 

“พรรคภูมิใจไทย" ฐานะน้องใหม่ฝ่ายค้าน เปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อวงประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน เช้าวันที่ 2 ก.ค.68 ที่ผ่านมา

งานนี้นำโดย “ก๊วนลูกเทพ” ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภราดร-กรวีร์ ปริศนานันทกุล แนน บุณย์ธิดา สมชัย เจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ และวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ เข้าร่วมวงกับ “ก๊วนสีส้ม” นำโดย ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล พริษฐ์ วัชรสินธุ์

สิ่งที่ถูกจับตา ตั้งแต่ก่อนการร่วมวงอย่างเป็นทางการ คือ จะจับมือลงเรือรบลำเดียวกันได้หรือไม่ เพราะ 2 พรรคนี้ มีจุดยืนที่ต่างกันคนละขั้ว ยืนคนละฝั่งอย่างชัดเจน

แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ‘ปชน. - ภท.’ ปูทาง ‘ดีลเปลี่ยนขั้ว’?

ต่อประเด็นนี้ “ผู้จัดการฝ่ายค้าน" อย่าง ปกรณ์วุฒิ ยอมรับสภาพที่เป็นจริงว่า การทำงานอาจเห็นไม่ตรงกันทุกเรื่อง การทำงานของพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วยความสมัครใจ จึงทำงานตรวจสอบรัฐบาลด้วยแนวทางของตัวเอง 

“พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน ล้วนมีสไตล์การทำงานของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีมติหรือเห็นตรงกันทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องใหญ่ๆ เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การได้พรรคภูมิใจไทยเข้ามา อาจทำให้งานบางเรื่องหลากหลายมากขึ้น”

 การที่พรรคประชาชน ยอมรับสภาพโดยดุษณีนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่มีจุดยืนคนละฝั่ง และมี “รอยแค้น” ในอดีต 

โดยเห็นว่า “พลังประชารัฐ” เป็นตัวแทนของฝ่ายเผด็จการ ที่พรากประชาธิปไตยไปจากระบอบการเมืองไทย ทำให้การทำงานภายใต้ร่วมฝ่ายค้านในเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีเนื้องานอะไร ที่ทำให้เห็นว่า “ทำงานร่วมกันได้”

ทว่า ในกรณีของ “พรรคภูมิใจไทย” แม้จะไม่มี "รอยแค้น" แบบพรรคพลังประชารัฐ แต่ก่อนหน้านี้เคยสร้างวีรกรรมที่ฝาก "รอยแผล" ไว้กลางหลังอย่างเจ็บแสบ

ทั้งการประกาศไม่เอา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ และก่อหวอดจนทำให้ต้องเกิดการ “สลับขั้วตั้งรัฐบาลใหม่” เป็นความแค้นที่ “เครือข่ายสีส้ม” จำไม่เคยลืม

ต่อมาพรรคภูมิใจไทยยังย้ำรอยแค้นให้พรรคประชาชน ผ่านการใช้เกม “สว.” ชะลอการแก้ไขพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่แก้ไขหลักเกณฑ์การผ่านประชามติ เรื่องรัฐธรรมนูญให้เป็นเสียงข้างมากแบบง่าย จนล่มไทม์ไลน์แก้รัฐธรรมนูญของพรรคประชาชน และไม่ทันมีรัฐธรรมนูญใหม่ภายในสภาฯ ชุดปัจจุบัน

แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ‘ปชน. - ภท.’ ปูทาง ‘ดีลเปลี่ยนขั้ว’?

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีประเด็นการตราร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมือง ซึ่ง “พรรคสีน้ำเงิน” ย้ำจุดยืนว่า ไม่สนับสนุนกฎหมายที่รวมการล้างผิดให้กับ “คดีมาตรา 112” ซึ่งเป็น “หัวใจ” ที่พรรคสีส้มต้องการ

ดังนั้น หากประเมินสถานการณ์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ไม่พร้อมจะลืมอดีต และเลือกมีจุดยืนคนละฝั่ง ทำให้ต้องตั้งคำถามถึง “เอกภาพ และประสิทธิภาพ” ที่จะจับมือเพื่อตรวจสอบรัฐบาลในสภาฯ

แม้ว่า เสียงของ “5 พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ที่ผนึกรวมกัน 234 เสียง จะถือเป็นความเข้มแข็ง ที่หากรวมพลังอย่างเหนียวแน่น อาจทำให้ “รัฐบาล” ถูกน็อกกลางเวทีสภาฯ ได้ เพราะจังหวะนี้ “ฝ่ายเสียงข้างมาก” อยู่ในภาวะ “ปริ่มน้ำ” มี สส.เพียง 257 เสียง เมื่อหักลบ สส.ที่เป็นรัฐมนตรี และสส.ที่เป็นประธาน-รองประธานสภาฯ แล้ว ทิ้งห่างกันเพียง ไม่เกิน 10 เสียงเท่านั้น

เมื่อมองภาพ “ฝ่ายค้าน” ในปัจจุบัน จะเห็นว่ามี “จุดยืน” ที่ต่างกัน แต่ต่างกันแค่บางเรื่องเท่านั้น ดังนั้นการออกแนวยอมรับสิทธิของแต่ละพรรคที่มี คือ การอ้าแขนรับ “มิตร” มากกว่าโอบกอด “ศัตรู” และอาจต่อยอดไปสู่บันไดขั้นที่สูงกว่า

ในยามที่สถานการณ์การเมืองยังชุลมุน หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่นายกฯ และคีย์แมนพรรคเพื่อไทยหลายคน รวมถึง “ทักษิณ ชินวัตร” ถูกกระบวนการตรวจสอบ ทิศทางการเมืองบ้านเราอะไรๆ ย่อมเกิดขึ้นได้

แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ‘ปชน. - ภท.’ ปูทาง ‘ดีลเปลี่ยนขั้ว’?

รวมถึงสูตรเปลี่ยนตัวนายกฯ ตามที่มีกระแสข่าวว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล”แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคภูมิใจไทย เสนอเปิดดีล “จับขั้วรัฐบาลใหม่” 

“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ยอมรับว่า

“ได้พูดคุยตลอด แต่รายละเอียดยังไม่ขอสื่อสาร เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงได้ตลอด บางตัวเลขที่หารือกัน ระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านในหลังบ้าน ยืนยันว่ามองเห็นทุกฉากทัศน์การเมืองหลายทาง เพื่อให้การเมืองมีทางไป และการตัดสินใจของพรรคประชาชนจะใช้เสียง สส.ทั้งหมด เปิดประตูหาทางออกให้ประเทศ”

เมื่อจับทางจากพรรคพลังประชารัฐ โดย “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รองหัวหน้าพรรค ยอมรับเช่นกันว่า “สส.แต่ละพรรคหารือกัน บางส่วนอยากให้เปลี่ยนขั้ว และตั้งรัฐบาลใหม่”

แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ‘ปชน. - ภท.’ ปูทาง ‘ดีลเปลี่ยนขั้ว’?

ขณะที่ทิศทางของพรรคการเมืองอีกหลายพรรค เห็นตรงกันว่า “ยังไม่ใช่จังหวะที่จะเดินลงสนามเลือกตั้ง” 

ดังนั้นการเล่นบท “รักษาน้ำใจ” ไปได้ทุกขั้ว ยอมรับกันได้ ในฉบับ “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” จึงอาจเป็น “ตัวเลือก” ในสถานการณ์การเมืองไทยตอนนี้ ที่มีความพยายามปูทางไปให้ถึง “ดีลเปลี่ยนขั้ว”!

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์