ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

"รัฐพันลึก" รุกคืบ "รัฐบาลเพื่อไทย" มีโอกาสที่ "แพทองธาร" อาจพ้นนายกฯ ด้วยกลเกมนิติสงคราม จับตาแรงบีบ "ทักษิณ" ฉากทัศน์เลือกนายกฯเพื่อไทย หรือนายกฯจากพรรคร่วม

KEY

POINTS

  • คดีคลิปเสียง “นายกฯ แพทองธาร” ส่งผลสะเทือนถึงสถานะความเป็นนายกฯ เป็นข้อกล่าวหาเดียวกับ "นายกฯ เศรษฐา" ในประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมและซื่อสัตย์สุจริต การตีความถูกมองว่า เป็นการใช้เรื่อง "นามธรรม" มาชี้ขาดคุณสมบัติ
  • หลังการเลือกตั้งปี 2566 “รัฐพันลึก” ยังคงกำหนดทิศทางการเมืองไทย ผ่าน สว.และศาลรัฐธรรมนูญ
  • อำนาจยุบสภาฯ ถูกส่งมาถึงรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกฯ แต่ทุกพรรคการเมืองยังไม่พร้อมยุบสภาฯ เว้น "พรรคประชาชน"
  • “รัฐพันลึก” ยังเดิมเกมบีบหนักผ่าน “ผู้นำสูงสุด” ของ“พรรคเพื่อไทย”อยู่ตลอด จนไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาฯ ได้โดยง่ายเหมือนเช่นอดีต 
  • ฉากทัศน์กรณีนายกฯ แพทองธาร  ไปต่อไม่ได้ อาจเกิดดีลใหม่เพื่อเปลี่ยนตัวนายกฯ หากไม่ใช่ "ชัยเกษม นิติสิริ" แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย การเมืองไทยอาจได้เห็น “ลุง”บางคนกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯ

เกิดผลสะเทือนในขั้วอำนาจพรรคร่วมรัฐบาลทันที เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้อง ของ “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ในนามสมาชิกวุฒิสภา(สว.) จำนวน 36 คน ที่ยื่นให้วินิจฉัยสถานะของนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร ชินวัตร” จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย

ผลพวงจากการหยุดทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของ “แพทองธาร” ก่อนที่รัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ในวันที่ 3 ก.ค.2568 ในทางหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า ภาพของ “แพทองธาร” กำลังถูกบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

เป็นข้อกล่าวหาเดียวกับ ที่ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยมติ 5 ต่อ 4 เสียงให้พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี เกี่ยวพันกับเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรม อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

เพียงแต่ “เศรษฐา”ไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ปลายทาง “นายกฯคนที่ 30” กลับถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้พ้นเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

เทียบเงื่อนเวลาคดีของ “เศรษฐา” ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเมื่อวันที่ 23 พ.ค.2567 และวินิจฉัยให้พ้นจากนายกฯเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ถือว่าใช้กระบวนการพิจารณาคดี กินเวลาเกือบ 3 เดือน

ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

แม้คดีของ “นายกฯแพทองธาร” จะมีความต่างในกระบวนการข้อเท็จจริง ทว่าอาวุธที่ใช้โค่นล้มนายกฯ กลับเป็นเรื่องกลเกมทางนิติสงคราม ผ่านข้อกล่าวหา “มาตรฐานทางจริยธรรม” ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาเดียวกับ “เศรษฐา” 

บรรดานักกฎหมายมหาชน ต่างมองทะลุช่องว่า เป็นเรื่องที่ใช้ “นามธรรม” ในการตีความ ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า ผิดหรือถูก ดำหรือแดง

ปฏิเสธไม่ได้ว่า หลังการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 องคาพยพ “รัฐพันลึก” ยังคงกำหนดทิศทางการเมืองไทยได้อยู่เช่นเดิม ผ่าน สว.และองค์กรตามรัฐธรรมนูญอย่างศาลรัฐธรรมนูญ

เห็นได้จากการเปลี่ยนตัว “เศรษฐา” มาเป็น “แพทองธาร” เมื่อปี 2567 ก็ถูกโค่นล้มด้วยการเดินเกมของ สว.ชุดตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 2560

อย่างไรก็ตาม อำนาจยุบสภาฯ แม้จะถูกส่งมาถึงผู้ที่เป็นรองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกฯในกรณีที่ “นายกรัฐมนตรี” ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้

นักกฎหมายมหาชน ตีความว่า อำนาจของผู้ทำหน้าที่รักษาการแทนนายกฯ มีอำนาจเต็มสมบูรณ์ตามกฎหมาย สามารถใช้อำนาจการปรับคณะรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงสามารถนำคณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 วรรคหนึ่ง เพราะถือว่าเป็นอำนาจที่สมบูรณ์ที่รัฐธรรมนูญได้ให้อำนาจไว้เด็ดขาด

นั่นจึงทำให้ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รักษาการนายกฯ มีอำนาจนำรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯได้ เช่นเดียวกับ “อำนาจยุบสภา” หากเปลี่ยนมือมาเป็น “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ย่อมมีอำนาจในการยุบสภาฯได้ ในกรณีที่ “แพทองธาร” ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้

ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

มองจุดยืนของแต่ละพรรคการเมืองในรัฐสภา มีเพียง “พรรคประชาชน” ที่แสดงจุดยืนชัดเจน ถือธงเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา

ขณะที่ “พรรคภูมิใจไทย” เริ่มส่งเสียงผ่าน “ชาดา ไทยเศรษฐ์” สส.อุทัยธานี ว่า ยุบสภา คือทางออกในการแก้ปัญหาทางการเมือง ซึ่งทางหนึ่งอาจมองได้ว่า “ภูมิใจไทย”ไม่ได้เสียเปรียบจากการยุบสภาฯ เพราะได้ตุนสรรพกำลังในช่วงเป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยไว้ก่อนแล้ว

“พรรคร่วมรัฐบาล” ที่นำโดย “พรรคเพื่อไทย” ยังไม่มีความพร้อมในการยุบสภาฯ เพราะยังไม่สามารถเข้าไปควบคุมกลไกภายในมหาดไทย เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายได้

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่รวมเสียงประกอบกำลังในเวลานี้ ทำให้เสียงของรัฐบาลมีไม่ต่ำกว่า 260 เสียง ก็ยังไม่พร้อมเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเช่นเดียวกัน

มีการวิเคราะห์ฉากทัศน์ทางการเมืองในอนาคต กรณีหากเดินไปสุดทาง ในกรณี “แพทองธาร”ต้องพ้นจากนายกฯ ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีความเป็นไปได้ที่ “ผู้นำจิตวิญญาณ” จะยังไม่ใช้กลไกอำนาจ “ยุบสภาฯ” แต่อาจเลือกวิธีการ “เปลี่ยนตัวนายกฯใหม่”

ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

แม้พรรคเพื่อไทยมีตัวเลือกที่เหลืออยู่คือ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ ก่อนหน้านี้จะมีปัญหาในเรื่องสุขภาพ แต่ล่าสุด “ชัยเกษม” ยอมรับว่า ตัวเองคงไม่ได้เป็นนายกฯ และเป็นเรื่องพรรคเพื่อไทยจะต้องจัดการ และมีคนอื่นมาแทน แต่ถ้าตั้งตนเองเป็นนายกฯ ก็สามารถทำได้ และอาจมองคนอื่นก็ได้ ตนคงไม่ได้อัตโนมัติ

“พรรคต้องดู จะเอาใคร ต้องตั้งใคร ถ้าตั้งผมแทนก็สามารถทำได้ เขาอาจมองคนอื่นก็ได้ รักษาการแทนก็ได้ คนอื่นพูดรู้เรื่องกว่า สั่งได้มากกว่า ก็ใช้ไป อย่างผมอาจจะมองว่า ไม่ค่อยยอมฟัง เขาก็ไม่ใช้ผม ผมก็นั่งยิ้ม ไม่ว่าอะไร” ชัยเกษม ระบุ

อีกทั้ง “คดีความส่วนตัว” ของ “นายใหญ่” ทั้งเรื่องคดีชั้น 14 และ คดีมาตรา 112 ก็เริ่มขยับสู่การพิจารณา ยังไม่นับกระแสปลุกเร้านอกสภาฯ อย่าง “ม็อบรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” ที่ไม่ต้องการให้ “แพทองธาร” นั่งในตำแหน่งนายกฯ อีกต่อไป

ไล่เรียงแคนดิเดตนายกฯ ที่มีสถานะสามารถเสนอให้ที่ประชุมสภาฯ ลงมติเห็นชอบได้ขณะนี้ หากจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ เหลือเพียง ชัยเกษม จากพรรคเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จากพรรคประชาธิปัตย์

ฉากทัศน์รัฐพันลึก‘เปลี่ยนนายกฯ’ กลเกมนิติสงครามบีบ‘ทักษิณ’

สูตรที่ “พรรคเพื่อไทย” จะเลือก“ชัยเกษม”โอกาสอาจเหลืออยู่น้อย ด้วยสภาพทางการเมืองที่เป็นอยู่ปัจจุบัน บริบทการเมืองที่ “รัฐพันลึก” ยังเดิมเกมบีบหนักผ่าน “ผู้นำสูงสุด” ของ“พรรคเพื่อไทย” อยู่ตลอด จนไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาฯ ได้โดยง่ายเหมือนเช่นอดีต 

ที่สำคัญ หากยุบสภาฯ ทุกพรรคมีความเสี่ยง จะแพ้ในสนามเลือกตั้งสูง แต่กลับเป็นโอกาสของ “พรรคประชาชน”  

การเปลี่ยนตัวนายกฯ จาก"แพทองธาร" เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่มีอยู่ อาจเป็นได้ในปลายทาง เห็นได้จากปัญหาความไม่เป็นเอกภาพในรัฐบาลผสม จนเกิดการต่อรองในช่วงปรับ ครม.

เวลานี้มีการมองข้ามช็อต ฉากจบสุดท้ายของรัฐบาลเพื่อไทย หากนายกฯ แพทองธารไปต่อไม่ได้ อาจเกิดดีลใหม่เพื่อเชิญ “ลุง”บางคนกลับมานั่งเก้าอี้นายกฯหรือไม่ ภายใต้สภาพที่ “ผู้นำก๊กแดง” ต้องยอมรับไปโดยปริยาย จากแรงบีบของเครือข่าย “รัฐพันลึก”