'หมอตุลย์' ชงสว.ยื่นศาลรธน.ถอด'แพทองธาร' พ้นรมว.วัฒนธรรม

ที่รัฐสภา นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แนวร่วมคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย  ยื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากตำแหน่งรมว.วัฒนธรรม ประเด็นขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา160(4) (5) เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว กรณีนี้จึงต้องวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา160(4) (5)ไม่สามารถดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมได้ 

นพ.ตุลย์ ยังกล่าวว่า หลังจากนี้สว.ต้องเข้าชื่ออย่างน้อย1ใน10 ของวุฒิสภาฯหรือ20คนเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

ก่อนอื่นตนต้องขอขอบคุณสว.ทั้ง36คนที่เข้าชื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องที่เกี่ยวกับคลิปเสียงนายกรัฐมนตรีและสมเด็นฮุน เซ็น ประธานวุฒิสภากัมพูชา คนทั้งประเทศคงได้ยินและมีความเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา160(4)(5)

อีกทั้งเป็นที่สงสัยว่า ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีได้ทูลเกล้าฯเสนอชื่อตนเองเป็นรมว.วัฒนธรรมทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า ตนเองกำลังจะถูกพิจารณาและวิจิฉัยโดยศาลรัฐธรรมนูญในข้อหาขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160 ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนายกรัฐมนตรีแต่หมายถึงรัฐมนตรีด้วย  ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเช่นนี้จะดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมได้อย่างไร 

ฉะนั้นจึงต้องมีการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยมีช่องทางในส่วนของสส.แต่ปรากฎว่า ทั้งพรรคร่วมมรัฐบาลและฝ่ายค้านก็คงไม่ยื่น จึงขอให้สว.ซึ่งทำหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาครั้งหนึ่งแล้ว พิจารณาร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

เมื่อถามว่า การมายื่นสว.ชุดนี้ไม่กังวลเรื่องความเกี่ยวโยงของสว.ชุดนี้กับพรรคการเมืองบางพรรคที่มีคดีฮั้วสว.อยู่หรือ นพ.ตุลย์ กล่าวว่า  คิดว่าไม่เพียงแต่ที่สว.จะทำหน้าที่แต่เป็นเรื่องที่ตรงใจของประชาชนทั้งประเทศ ส่วนจะมีความเกี่ยวโยงอะไรก็ว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งทางกกต.กับดีเอสไอก็กำลังสอบสวนอยู่แต่ ณ ขณะนี้ท่านทำหน้าที่มาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อถูกยื่นตีความการขาดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีอย่างนี้จะดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมได้อย่างไร จึงขอเสนอให้สว.ฟังเสียงเรียกร้องประชาชน ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้ตนดำเนินการในนามส่วนตัว  

"คิดว่าเรื่องนี้เกิดจากการที่คุณพ่อนายกรัฐมนตรี คือคุณทักษิณ ชินวัตร อยากให้มีสายอำนาจอยู่ในครม.ต่อไปคงปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้วว่าจะให้มีตำแหน่งรัฐมนตรีจะได้เทียบเคียงกับพล.อ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ถูกถอดถอนในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แต่เป็นเรื่องที่มีข้อสงสัยว่าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเกิน8ปีหรือไม่ ก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัยว่าเป็นได้ต่อแต่ไม่ครบ8ปี เพราะฉะนั้นกรณีของพล.อ.ประยุทธ์และนส.แพทองธารจึงไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ และเป็นการยื่นถอดถอนคนละมาตรา"

นพ.ตุลย์ ยังกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มศาลรัฐธรรมนูญที่จะออกมาตนประเมินจากเสียงที่รับคำร้อง9ต่อ0 ถือว่าเป็นเอกฉันท์ ขณะที่เสียงที่มีมติหยุดปฏิบัติหน้าที่7ต่อ2เสียง ซึ่ง2เสียงข้างน้อยก็ไม่ได้มีความเห็นว่าไม่ให้พัก แต่เป็นการพักบางส่วนเหมือนกรณีพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม

เมื่อถามว่า หากระหว่างทางน.ส.แพทองธาร ตัดสินใจลาออก เป้าประสงค์ต่อไปคืออะไร นพ.ตุลย์  กล่าวว่า ให้เป็นไปตามวิถีทางของประชาธิปไตย สภาฯยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาแทนจากแคนดิเดตที่เหลืออยู่หรือใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ว่ารัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่า2ใน3สามารถลงมติเพื่อเลือกคนนอกแคนดิเดตมาเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่า เรื่องนี้เป็นวิถีทางประชาธิปไตยเหมือนในอดีตที่อาจไม่เห็นด้วยกับการเลือกนส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องปล่อยให้ทำหน้าที่ ก่อนที่ภายหลังมีกรณีทุจริตจำนำข้าว และการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชนก็ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ในระบอบประชาธิปไตยเราก็ต้องให้กลไกปกติทำหน้าที่ก่อน 

"วันนี้มีการพูดถึงนิติสงคราม ส่วนตัวคิดว่านิติสงครามเป็นเครื่องมือของภาคประชาชนที่จะดำเนินการกับนักการเมืองที่ทำไม่ถูกต้องถ้าเกิดรัฐบาลหรือนักการเมืองทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้องไม่ต้องกลัวนิติสงคราม ไม่มีอะไรใดๆระคายผิวคุณได้ ถึงยื่นไปศาลเอย ป.ป.ช.เอย กกต.เอยเขาก็ไม่ลงโทษคุณ เพราะฉะนั้นขอบอกเลยว่ารัฐบาลหรือนักการเมืองคนใดก็ตามกรุณาอย่าห่วงเรื่องนิติสงครามกรุณาทำหน้าที่ตามที่ท่านได้อาสาเข้ามารับใช้ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริงตามที่คุณกล่าวอ้างตอนหาเสียงเข้ามา การที่ประชาชนจะใช้นิติสงครามมีอยู่กรณีเดียวคือคุณทำหน้าที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง "