‘นิติสงคราม’ไล่ล่าพ่อ-ลูก‘ชินวัตร’ ลุ้น 2 แนวทางคดี คลิป‘ฮุน เซน’

‘นิติสงคราม’ไล่ล่าพ่อ-ลูก‘ชินวัตร’ ลุ้น 2 แนวทางคดี คลิป‘ฮุน เซน’

เกมการเมืองต่อจากนี้ ได้เข้าสู่โหมดเร่งเร้า“นิติสงคราม” ตามไล่ล่า"พ่อ-ลูกตระกูลชินวัตร”เพื่อให้ยอมถอยสุดทาง อยู่ที่ว่าจังหวะถอย จะเข้าทาง“ใครบางคน”หรือไม่

KEY

POINTS

  • “นิติสงคราม” เปิดเกมไล่ล่า “ตระกูลชินวัตร” เต็มรูปแบบ ภายหลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”

  • แนวทางคำวินิจฉัยของ "ศาลรัฐธรรมนูญ" แนวทางแรก ความเป็นรัฐมนตรีของ “แพทองธาร”ไม่สิ้นสุดลง สามารถไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

  • แนวทางที่สอง ความเป็นรัฐมนตรีของ “แพทองธาร” สิ้นสุดลง ทำให้ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือก “นายกฯคนใหม่”

  • "นิติสงคราม" บีบให้ "ตระกูลชินวัตร" ต้องถอยร่น อยู่ที่ว่าจะถอยสุดซอยแค่ไหน และการถอยจะเข้าทาง "ใครบางคน" หรือไม่

“นิติสงคราม” เปิดเกมไล่ล่า “ตระกูลชินวัตร” เต็มรูปแบบ โดย “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำสั่งรับคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ “แพทองธาร ชินวัตร” สิ้นสุดลงหรือไม่

ต้นขั้ว เงื่อนปมดังกล่าว “สว. 36 คน” เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานวุฒิสภา ปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ฮุน เซน” ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา โดยสั่งชี้แจงภายใน 15 วัน

ที่สำคัญมติของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” ทำให้เจ้าตัวต้องถอดหัวโขน “ผู้นำ” เดินออกจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล

ทว่า การปรับครม. ที่ชื่อของ “แพทองธาร” นั่งควบเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม ทำให้เจ้าตัวยังสามารถร่วมวงประชุมครม.ได้ เทียบเคียงกับกรณีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ เมื่อครั้งถูก “ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่คดีดำรงตำแหน่งนายกฯครบ 8 ปี ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังร่วมประชุมครม.ได้ในฐานะ รมว.กลาโหม

แน่นอนว่าระหว่างที่ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะมีเวลาให้มีการเปิด “บิ๊กดีล” รอบใหม่ วิชายุทธ์การเมืองระดับสูงของเพื่อไทยย่อมถูกงัดมาใช้เพื่อประเมินสถานการณ์ โดยคาดการณ์ว่า เงื่อนเวลานับจากวันนี้ไปถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย อยู่ระหว่าง 30-45 วัน

โดยแนวคำวินิจฉัย จะมีเพียง 2 แนวทางเท่านั้น 

แนวทางแรก ความเป็นรัฐมนตรีของ“แพทองธาร”ไม่สิ้นสุดลง สามารถไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

แน่นอนว่า “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร และ “ขุนพลเพื่อไทย” คาดหวังให้คำวินิจฉัยออกมาในรูปแบบดังกล่าว เพราะจะส่งผลดีต่อ “นายกฯอิ๊งค์” หลายเด้ง โดยเฉพาะภาพลักษณ์ความเป็น “ผู้นำ” ยังมีโอกาสฟื้นกลับมาได้

ที่สำคัญเงื่อนไขของสารพัดม็อบ “แกนนำม็อบ” หลากหลายสีเสื้อ มาร่วมกันขับไล่ “แพทองธาร” แบบนัดหมายกันมาก่อน โดยชูธง “ชาตินิยม” โจมตี “ตระกูลชินวัตร” สมคบคิดกับ “ฮุน เซน” ทรยศแผ่นดิน อาจจะลดความเข้มข้นลง

เพราะหากปล่อยให้ปมคลิป “ฮุน เซน” คลุมเครือ ไม่มีใครมาชี้ถูกชี้ผิด “สารพัดม็อบ” จะมีเงื่อนไขปลุกปั่น “มวลชน” ให้ร่วมขบวนขับไล่ “แพทองธาร” จนสุดซอยได้

แนวทางที่สอง ความเป็นรัฐมนตรีของ “แพทองธาร” สิ้นสุดลง ทำให้ต้องเข้าสู่กระบวนการเลือก “นายกฯคนใหม่” เช่นเดียวกับกรณีของ “เศรษฐา ทวีสิน”

หากไม่มีโรคแทรกซ้อนจะต้องเลือก “นายกรัฐมนตรี” จากบัญชีที่พรรคการเมืองส่งให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือกกต. โดยพรรคการเมืองนั้นจะต้องมี สส.ในสภาฯ ไม่น้อยกว่า 25 คน

ในขณะนี้เหลือนายกฯ ในบัญชี ประกอบด้วย “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทย “อนุทิน ชาญวีรกูล” จากพรรคภูมิใจไทย “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และ“จุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์” จากพรรคประชาธิปัตย์

อย่างไรก็ตาม หากเกมลากไปถึงจะต้องเลือก “นายกฯในบัญชี” จำเป็นต้องมีการจับ “ขั้วรัฐบาล” กันใหม่ “เครือข่ายอนุรักษ์” ยังจำเป็นต้องพึ่งพาเสียงของ “เพื่อไทย” ที่ต้องผนึกกับ “พรรคอนุรักษ์” เพื่อจัดตั้งรัฐบาล

โดยสมการ “พรรคประชาชน” จับมือกับ “พรรคอนุรักษ์” ตัดทิ้งไปได้เลย เช่นเดียวกับสมการ “เพื่อไทย” จับมือกับ “พรรคประชาชน” เกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะชะตากรรมของ “ตระกูลชินวัตร” อยู่ในมือ “เครือข่ายอนุรักษ์” บัญชาการผ่านกลเกมนิติสงคราม

ทางเลือกสุดท้าย หากเกมบีบจนไม่สามารถเลือก “นายกฯในบัญชี” ได้ อาจจะเป็นทางให้มีการเลือก “นายกฯนอกบัญชี” 

โดยขั้นตอนแรกคือในกรณีที่ สส. ไม่สามารถเลือกนายกฯได้ภายใน 90 วัน จะสามารถขอมติโดยใช้เสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง เพื่อเปิดประชุมนัดพิเศษร่วมกับ สว.

ต่อมาขั้นตอนที่สอง ที่ประชุมร่วมกันระหว่าง “สว.” และ “สส.” จะต้องลงมติ เพื่อรับรองหลักการให้มี “นายกฯคนนอก” ได้ โดยใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด

ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม คือ “สส.” จะกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อคัดเลือก “คนนอก” ที่จะเข้ามารับตำแหน่งเป็น “นายกฯ” หากผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวนายกฯ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ คือต้องยุบสภา และกลับไปเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด

เกมการเมือง ต่อจากนี้ ได้เข้าสู่โหมดเร่งเร้า “นิติสงคราม” ตามไล่ล่า"พ่อ-ลูกตระกูลชินวัตร”เพื่อให้ยอมถอยสุดทาง อยู่ที่ว่าจังหวะถอย จะเข้าทาง“ใครบางคน”หรือไม่ หรือเกมอาจพลิกผัน กลับไปเข้าทาง“นายใหญ่-เพื่อไทย” ก็เป็นไปได้