‘เรตติ้งดิ่ง’จุดพลิกรัฐบาลพท. การเมืองฉุด-ศก.ลุ้น‘5ฉากทัศน์

‘เรตติ้งดิ่ง’จุดพลิกรัฐบาลพท. การเมืองฉุด นโยบายสะดุด เศรษฐกิจลุ้น ‘5 ฉากทัศน์’ สารพัดปมร้อน เดิมพัน‘รัฐบาล’ครบเทอม?
KEY
POINTS
- “นายกฯแพทองธาร” พบว่า คะแนนดิ่งลงมากถึง 21.7% จากการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนนนิยม 30.90% ขณะที่การสำรวจครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนนเพียง 9.20%
- นับตั้งแต่การก้าวเข้าขึ้นสู่ประมุขฝ่ายบริหารของ “แพทองธาร” เมื่อเดือนส.ค.2567 และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคแปรสภาพมาเป็น “พรรคประชาชน” คะแนนนิยมรายไตรมาส “3/2567” อันดับ 1 แพทองธาร 31.35%
- วาระการเมืองที่ผ่านมาครึ่งเทอม “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย” ปัญหา“เศรษฐกิจ” ภายใต้สมการ“รัฐบาลผสมข้ามขั้ว” ส่งผลให้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ถือดุลอำนาจแบบเบ็ดเสร็จ แถมยังเสียรังวัดจากหลายนโยบายเศรษฐกิจ มีอันต้องสะดุดหยุดลงกลางทาง
- “นิติสงคราม” ที่กำลังรุกคืบ ทั้งการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 1 ก.ค. รวมถึงที่ต้องจับตาคือ กรณีคณะกรรมการป.ป.ช.รับไต่สวนกรณีที่คณะรัฐมนตรี สส. และ สว. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ที่มีการโยกงบไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (แจกเงินหมื่น) ที่อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 144
-
ภายใต้โจทย์ใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องเร่งพลิกเกมเพ่ื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นก่อนกำหนดในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เปิดเผยผลการสำรวจเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2568 เรื่อง “คะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 2/2568” สำรวจระหว่างวันที่ 19-25 มิ.ย.2568
ประเด็นน่าสนใจอยู่ตรงที่ บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันนี้ ไฮไลต์ “5 อันดับแรก” พบว่า
อันดับ 1 เป็น “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ด้วยคะแนน 31.48%
อันดับ 2 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ด้วยคะแนน 19.88%
อันดับ 3 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยคะแนน 12.72%
อันดับ 4 คือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
และอันดับ 5 “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 9.20%
คำถามถัดมา พรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า
อันดับ 1 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน ด้วยคะแนน 46.08%
อันดับ 2 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยคะแนน 13.24%
อันดับ 3 พรรคเพื่อไทย ด้วยคะแนน 11.52%
อันดับ 4 พรรคภูมิใจไทย ด้วยคะแนน 9.76%
อันดับ 5 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ ด้วยคะแนน 7.72%
สถานการณ์ในวันนี้ เมื่อเปรียบเทียบผลการสำรวจคะแนนความนิยม จากการสำรวจครั้งที่ 1/2568 เมื่อ 24-27 มี.ค.2568 กับครั้งที่ 2/2568 เมื่อ 19-25 มิ.ย.2568 พบว่า
“ณัฐพงษ์” มีคะแนนเพิ่มขึ้น โดยการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนนนิยม 25.80% การสำรวจครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนนนิยม 31.48%
ส่วน “พล.อ.ประยุทธ์” พบว่า ได้คะแนนในการสำรวจครั้งที่ 2/2568 เป็นครั้งแรก
ไม่ต่างจาก “อนุทิน” ที่พบว่ามีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น โดยการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนนนิยม 2.85% ส่วนครั้งที่ 2/2568 ได้ 9.64%
ขณะที่ “นายกฯแพทองธาร” พบว่า คะแนนดิ่งลงมากถึง 21.7% จากการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนนนิยม 30.90% ขณะที่การสำรวจครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนนเพียง 9.20%
สำหรับคะแนนในส่วนของ พรรคการเมือง พบว่า พรรคประชาชนได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น โดยการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนน 37.10% ขณะที่ครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนน 46.08%
พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้คะแนนเพิ่มขึ้น จากการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนน 8.75% ขณะที่การสำรวจครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนน 13.24%
ส่วน พรรคเพื่อไทยได้คะแนนลดลงถึง 16.53% จากการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนน 28.05% ขณะที่การสำรวจครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนน 11.52%
พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากการสำรวจครั้งที่ 1/2568 ได้คะแนน 3.35% ขณะที่การสำรวจครั้งที่ 2/2568 ได้คะแนน 9.76%
เหนือไปกว่านั้นหากไล่ย้อนผลสำรวจ “นิด้าโพล” โดยนับตั้งแต่การก้าวเข้าขึ้นสู่ประมุขฝ่ายบริหารของ “แพทองธาร” เมื่อเดือนส.ค.2567 และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคแปรสภาพมาเป็น “พรรคประชาชน” เปลี่ยนผ่านหัวหน้าพรรค จาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง มาเป็น “เท้ง” ณัฐพงษ์
พบว่า คะแนนนิยมรายไตรมาส “3/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-23 ก.ย.2567 ให้คะแนน บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า5อันดับแรก แบ่งเป็น
อันดับ 1 แพทองธาร 31.35% อันดับ 2 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 23.50% อันดับ 3 ณัฐพงษ์ 22.90 % ระบุ อันดับ 4 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 8.65% และอันดับ 5 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 4.80%
ส่วน พรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุน พบว่า อันดับ 1 พรรคประชาชน 34.25 % อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 27.15% อันดับ 3 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 15.10 % ระบุว่า อันดับ 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ9.95% และอันดับ 5พรรคประชาธิปัตย์ 4.40%
ขณะที่คะแนนนิยมรายไตรมาส“4/2567”ทำการสำรวจระหว่างวันที่ วันที่ 16-23 ก.ย.2567 “ณัฐพงษ์” สลับขึ้นนำแพทองธาร ที่อันดับ 1 29.85% อันดับ 2 แพทองธาร 28.80% อันดับ 3 ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ 14.40% อันดับ 4 พีระพันธุ์ 10.25% และอันดับ 5 อนุทิน ชาญวีรกูล 6.45%
ส่วนคะแนนพรรคการเมือง อันดับ 1 พรรคประชาชน37.30%อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย27.70%อันดับ 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ 10.60%อันดับ 4 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ 8.20% และอันดับ 5 พรรคภูมิใจไทย ได้ 5.15%
เศรษฐกิจ “5 ฉากทัศน์” ชี้วัดรัฐบาล
วาระการเมืองที่ผ่านมาครึ่งเทอม “รัฐบาลพรรคเพื่อไทย”เปลี่ยนผ่านจาก “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จากกรณีแต่งตั้ัง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาสู่ “รัฐบาลแพทองธาร” ท่ามกลางสารพัดปัจจัยรุมเร้าในเวลานี้
โดยเฉพาะปัญหา“เศรษฐกิจ” ภายใต้สมการ“รัฐบาลผสมข้ามขั้ว” ส่งผลให้สถานการณ์ของพรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ได้ถือดุลอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเหมือนในอดีต แถมยังเสียรังวัดจากหลายนโยบายเศรษฐกิจ มีอันต้องสะดุดหยุดลงกลางทาง
ที่น่าสนใจคือเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ลงเหลือโต 1.7% (กรอบ 1.5-2.0%) จากที่เคยประมาณการไว้ล่าสุดเมื่อพ.ย.67 ที่โต 3.0%
โดยการขยายตัวดังกล่าว ยังมีโอกาสผันผวนอยู่ในกรอบ 0.9-2.3% ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ “5 ฉากทัศน์”
1.มาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยมีความไม่แน่นอนเรื่องอัตราภาษีที่ไทยจะสามารถเจรจาต่อรองได้
2. ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ซึ่งมีนัยต่อราคาน้ำมันดิบ อัตราเงินเฟ้อ และนโยบายการเงิน
3.ความตึงเครียดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีผลต่อการลดเวลาเปิด-ปิดด่าน และการห้ามนำเข้าสินค้าบางรายการ
4.ประสิทธิผลของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้งบ 1.57 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับการเบิกจ่ายงบกระตุ้นในโครงการดังกล่าว
5.เสถียรภาพของรัฐบาลแพทองธาร ภายหลังกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซ็น ประธานวุฒิสภา กัมพูชา
การเมือง“นิติสงคราม”ฉุดเรดติ้ง
ไม่ต่างจากปมร้อน “การเมือง” ในเวลานี้ ทั้งโผ “ครม.แพทองธาร 1/2” ที่ถูกตัดจบหวังสยบเกมป่วนในขั้วรัฐบาล ขณะที่บางกระทรวงถูกริบคืนกลับมาอยู่ในการดูแลของพรรคแกนนำ หวังปั๊มผลงานกระตุ้นเรตติิ้งในช่วงครึ่งเทอมหลัง
ทว่าภายใต้สมการใหม่จนถึงเวลานี้ ยังเต็มไปด้วย“เขี้ยวเล็บ” ที่ต่างฝ่ายต่างซุกซ่อนไว้ เพื่อรอจังหวะชำระแค้น ทิ้งไว้ซึ่งคำถามที่ว่า รัฐบาลที่ตกอยู่ในสภาวะเสียงปริ่มน้ำ จะประคับประคองกันไปได้อีกไกลแค่ไหน
ไม่ต่างจากสารพัด “นิติสงคราม” ที่กำลังรุกคืบ ทั้งการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 1 ก.ค.ซึ่งถูกจับตาว่าจะพิจารณา“รับ”หรือ“ไม่รับ”คำร้อง ของ “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ในนามสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 36 คน ที่ยื่นถอดถอน“นายกฯแพทองธาร” จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)
ทั้งนี้หากศาลมีมติคำร้อง ต้องลุ้นว่าจะสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่อีกด้วย
ในคดีเดียวกันยังมีคำร้องในส่วนที่สว.ยื่นคู่ขนานในประเด็น“จริยธรรม”ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งล่าสุดมติที่ประชุมกรรมการป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมามีมติเอกฉันท์ให้รับตรวจสอบเบื้องต้น
เวลานี้มีการเทียบเคียงคดีที่อยู่ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ กับกรณี2นายกฯในอดีตทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกศาลสั่งยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังรับคำร้องในกรณีถูกยื่นตีความการนับวาระความเป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญแต่ต่อมาศาลวินิจฉัยไม่สิ้นสุดสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี
กลับกันในกรณี “เศรษฐา” ซึ่งถูกยื่นวินิจฉัยประเด็นคุณสมบัติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีแต่งตั้งพิชิต ศาลไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แต่ต่อมาภายหลังกลับวินิจฉัยให้สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี
อีกหนึ่งนิติสงครามที่ต้องจับตาคือ กรณีคณะกรรมการป.ป.ช.รับไต่สวนกรณีที่คณะรัฐมนตรี สส. และ สว. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ที่มีการโยกงบไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (แจกเงินหมื่น) ที่อาจขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กรณีที่ผลประโยชน์ “ทางตรง” หรือ “ทางอ้อม” ในการใช้งบประมาณรายจ่าย
กรณีนี้มีการประเมินถึงฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด คือ ป.ป.ช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วมีคำวินิจฉัยว่า ผิดตามมาตรา 167(4) และจะไม่สามารถรักษาการหรือปฏิบัติหน้าที่ต่อเพื่อรอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้
ต้องจับตาสถานการณ์รัฐบาลแพทองธาร ท่ามกลางเรตติ้งรัฐบาลที่กำลังดิ่งหนัก ไม่ต่างจากเกมการเมืองทั้งในและนอกสภาฯ ที่กำลังยกระดับไล่บี้รัฐบาล กดดันนายกฯให้“ยุบสภา” หรือ“ลาออก”
เป็นการสะท้อนว่า เส้นทางรัฐบาลอีก 2 ปีที่เหลือ ยังคงเต็มไปด้วยสารพัดขวากหนาม ภายใต้โจทย์ใหญ่ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องเร่งพลิกเกมเพ่ื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นก่อนกำหนดในอีกไม่ช้าไม่นานหลังจากนี้
โดยเฉพาะ “พรรคประชาชน” ที่จะเป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคเพื่อไทย ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า







