ชนัก 9 รมต. ‘แพทองธาร 1/2’ วุ่นคุณสมบัติ เมื่อคดีไม่ถึงที่สุด

เรียกได้ว่าเริ่มลงตัวแล้ว สำหรับ “โผ ครม.” ของ “แพทองธาร ชินวัตร” 1/2 ที่มีข้อมูลหลายแหล่งอ้างว่า บุคคลที่ถูกทาบทามเริ่มเข้าไปกรอกประวัติ เพื่อส่งให้นายกรัฐมนตรี ดำเนินการทูลเกล้าฯแล้ว โดยการปรับ ครม.ใหม่ครั้งนี้ ไม่มีชื่อคนจาก “ภูมิใจไทย” ที่ประกาศลาออก ไม่ร่วมสังฆกรรมกับ “ก๊กแดง” จากสาเหตุความบาดหมางทั้งในทางการเมือง-ส่วนตัวหลายประการ

ประเด็นที่น่าสนใจ เริ่มมีฝ่ายอนุรักษนิยมบางคน ส่งสัญญาณไปยัง “แพทองธาร” ว่า ให้เช็คประวัติบุคคลที่จะแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีให้ดี เพราะอาจเสี่ยงซ้ำรอยกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯคนที่ 30 กรณีแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ และถูกศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ได้

หากเช็คตามโผ ครม.ที่ถูกปล่อยออกมาผ่านสื่อหลายสำนัก พบว่า มีหลายคนที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาในชั้นการไต่สวนของ ป.ป.ช. และในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ดี “บิ๊กเนมรัฐบาล” การันตีว่า บุคคลเหล่านี้แค่ถูกกล่าวหาเท่านั้น ยังมิได้มีความผิด ดังนั้นไม่น่าจะสุ่มเสี่ยง หรือขัดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง

ใครเป็นใครกันบ้าง? กรุงเทพธุรกิจรวบรวมมานำเสนอ ดังนี้

1.ร้องเรียน กล่าวหา ครม.แพทองธาร 1/1 ทั้งคณะ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา “นิติธร ล้ำเหลือ”พร้อมด้วยคณะ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกล่าวหา ครม.แพทองธาร ชินวัตร ส่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง 

กรณีกล่าวหา แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ทั้งคณะ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 รวมไปถึง สส. และ สว. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 ดังกล่าว โดย ป.ป.ช.รับเรื่องไว้สอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้ว

2.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.กรณีการโยกงบที่ถูกร้องเรียนทั้ง ครม. 2.กรณี “ตั๋วสัญญาใช้เงิน” หรือ “ตั๋ว PN” ในการซื้อขายหุ้นกว่า 4.4 พันล้านบาท แก่บุคคลในครอบครัวของ “แพทองธาร” ถูก “ฝ่ายค้าน” นำโดย “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)กังขา และนำไปสู่การซักฟอกในสภาฯ อย่างเผ็ดร้อนว่า เข้าข่ายทำ“นิติกรรมอำพราง” หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้กว่า 218.7 ล้านบาทหรือไม่

ปัจจุบันเรื่องนี้เหมือนจะเงียบหายไปจากกระแสสังคม ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ และสาธารณชนเฝ้าติดตามอย่างหนัก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ 2 หน่วยงาน สำนักงาน ป.ป.ช.ที่ วิโรจน์ หอบพยานหลักฐานมายื่นหลังจบศึกซักฟอก กล่าวหาว่ากระทำผิดจริยธรรม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง และไฮไลต์สำคัญอยู่ที่กรมสรรพากร ซึ่งวิโรจน์ไปยื่นเรื่องร้องเรียนให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ชี้ขาดประเด็นนี้ 

อย่างไรก็ดี “ปิ่นสาย สุรัสวดี” อธิบดีกรมสรรพากร ลูกชาย “ปลอดประสพ สุรัสวดี” แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังอ้างว่าอยู่ระหว่างรอการชี้ขาดของคณะกรรมการฯ ขณะที่ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง กลับยังไม่มีการตั้ง “ที่ปรึกษา” คณะกรรมการฯ ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทำให้เรื่องนี้ยังคง “คาราคาซัง” อยู่จนถึงตอนนี้

และสุดท้าย 3.กรณีโรงแรมหรู เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ปลูกสร้างในโฉนดที่ดิน ซึ่งอยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองฯ ส่อเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่

3.ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม (อาจย้ายไปเป็น รมว.มหาดไทย หลังปรับ ครม.) กรณีกลุ่ม สว.ที่ถูกสอบสวนคดีฮั้ว ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ถอดถอน “ภูมิธรรม” ร่วมกับ “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม พ้นจากตำแหน่ง 

กรณีกล่าวหาว่า กลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำ ในการเข้าไปตรวจสอบคดีฮั้ว สว. เนื่องจาก “ภูมิธรรม” เป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (บอร์ดดีเอสไอ) โดยตำแหน่ง ส่วน “ทวี” เป็นรองประธานบอร์ดดีเอสไอ และกำกับดูแลดีเอสไอ เบื้องต้นศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้ไต่สวนแล้ว อยู่ระหว่างรอความเห็นและเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

4.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นกรณีเดียวกันกับ “ภูมิธรรม” แต่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ ในการกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้ “ทวี” ยังถูกร้องเรียนกล่าวหากับ ป.ป.ช.อย่างน้อยอีก 2 สำนวน ได้แก่ กรณีจงใจกลั่นแกล้ง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สั่งการให้ดีเอสไอเข้าไปสอบสวนคดีฟอกเงินจากการฮั้ว สว. 

และกรณีจงใจกลั่นแกล้ง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ในการสั่งให้ดีเอสไอไปหาพยานหลักฐานในพื้นที่ ซึ่งทั้ง 2 สำนวนใน ป.ป.ช.ถูกกล่าวหาร่วมกับ “พ.ต.อ.ยุทธนา แพรดำ” อธิบดีดีเอสไอ

5.ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (อาจย้ายกระทรวงหากปรับ ครม.) ถูกยื่นคำร้องกล่าวหากับ ป.ป.ช. กรณีกรณีกล่าวหา สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยบรรดา สส.และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย เช่น สาโรจน์ หงษ์ชูเวช พิษณุ หัตถสงเคราะห์ จักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกฯ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในสำนักงบประมาณว่า มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง

กรณีมีพฤติการณ์ใช้สถานะ หรือตำแหน่งกระทำการสั่งการ บังคับ ก้าวก่าย หรือเข้าแทรกแซง ในการจัดทำงบประมาณ การอนุมัติงบประมาณ การบริหารงบประมาณ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 วงเงินราว 51,584 ล้านบาท ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568

6.จักรพงษ์ แสงมณี ว่าที่รัฐมนตรีใหม่ ถูกร้องเรียนกล่าวหาสำนวนเดียวกันกับ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง”

7.พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ถูกร้องเรียนกล่าวหา 2 สำนวน ได้แก่ 1.กรณีการถือครองหุ้น 3 บริษัท ทั้งที่แจ้งประธานกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อขอรับประโยชน์จากการถือครองหุ้นเกิน 5% ไปแล้ว แต่ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าภายหลังดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงาน ยังถือครองหุ้นดังกล่าวอยู่ 2.กรณี “ถุงยังชีพ” ที่ไปแจกชาวบ้านช่วงน้ำท่วม ปรากฎภาพใบหน้าและชื่อของตัวเองในการแจก ส่อเข้าข่ายผิดจริยธรรมหรือไม่

8.สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ (อาจย้ายกระทรวงหากปรับ ครม.) กรณี “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน(ปชน.) ยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.กล่าวหาว่า “สุชาติ” ปล่อยปละละเลยให้กองทุนประกันสังคม (สปส.) ดำเนินการลงทุนให้มาซึ่งตึก Skyy9 โดยใช้เงินของกองทุนประกันสังคมกว่า 6.9 พันล้านบาท ซึ่งส่อเข้าข่ายซื้อแพงเกินจริง 

อย่างไรก็ดี “สุชาติ” ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และยืนยันความบริสุทธิ์มาโดยตลอด พร้อมกับฟ้องกลับ 2 สส.ปชน.ข้างต้น ฐานหมิ่นประมาท ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในศาลอาญา

9.ชัยชนะ เดชเดโช ว่าที่รัฐมนตรีใหม่ สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกแจ้งความกล่าวหาพร้อมกับ “น้องชาย” พิชัยเดช เดชเดโช สจ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช กรณีถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายบุคคลอื่น และใช้ของแข็งตีถูกที่ศีรษะทำให้ได้รับบาดเจ็บ และต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 

เบื้องต้น พนง.สอบสวน สภ.ร่อนพิบูลย์ รับแจ้งความ และดำเนินการสอบสวนแล้ว นอกจากนี้ เขายังถูก “เชาว์ มีขวด” อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนว่าฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่อีกด้วย

ทั้งหมดคือ 9 “ว่าที่รัฐมนตรีใหม่” บางคนแค่โยกย้ายกระทรวง บางคนเข้ามาเป็นใหม่ ซึ่งมีชนักปักหลังเป็นคดีความ หรือข้อร้องเรียนใน ป.ป.ช.และศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงตำรวจ 

อย่างไรก็ดี คดีความข้างต้นยังอยู่ระหว่างการไต่สวน หรือสืบสวน เป็นกระบวนการชั้นต้น บุคคลที่ถูกร้องเรียนหรือกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด