สภากลาโหม ย้ำ 'เหล่าทัพ' พร้อมรับเหตุฉุกเฉิน ใช้กำลังทหารชายแดนไทย-กัมพูชา

สภากลาโหม  ย้ำ 'เหล่าทัพ' พร้อมรับเหตุฉุกเฉิน ใช้กำลังทหารชายแดนไทย-กัมพูชา

"สภากลาโหม"ย้ำ "เหล่าทัพ"เตรียมแผนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนไทย-กัมพูชา หากถึงขั้นต้องใช้กำลังทหาร และยกระดับมาตรการรับมือการ โจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์กัมพูชาโดยเร่งด่วน

27 มิ.ย. 2568  พันเอกหญิง ดังใจ สุวรรณกิตติ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า การประชุมสภากลาโหม ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ได้หารือถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดนที่ผ่านมา และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและ วิเคราะห์สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด ครอบคลุมข้อมูลข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงภายในกัมพูชา โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกำลังรบและยุทโธปกรณ์ใกล้แนวชายแดนที่อาจส่งผล กระทบต่อประเทศไทย

นอกจากนี้ หน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนจะต้องบูรณาการการทำงานกับทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับพื้นที่กับกองกำลังฝ่ายกัมพูชา ภายใต้กลไกสันติวิธีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตาม แนวชายแดน พร้อมทั้งสั่งการให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการทูต และติดตามนโยบายต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อเสนอแนะแนวทางการดำเนิน นโยบายที่เหมาะสมต่อไป

ด้านความมั่นคงภาคสนาม หน่วยกองกำลังป้องกันชายแดน โดยเฉพาะหน่วยในระดับ พื้นที่ ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย เพิ่มการลาดตระเวนและจุดตรวจ พร้อมเน้นย้ำให้กำลัง พลมีวินัย ตื่นตัว และเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ โดยต้องสังเกตสิ่งผิดปกติ ตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยหรือกลุ่มผู้ไม่หวังดี รวมถึงจุดเวรยามอย่างสม่ำเสมอ และให้รายงานผู้บังคับบัญชาโดยเร็วที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่อาจ กระทบความมั่นคง

ทั้งนี้ ยังได้สั่งให้ทุกหน่วยยกระดับมาตรการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ เพื่อรับมือการ โจมตีจากกลุ่มแฮกเกอร์กัมพูชาโดยเร่งด่วน และให้มีการติดตาม เฝ้าระวัง แลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคามกับ หน่วยงานพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจ้งเตือนหน่วยที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อตรวจพบภัยคุกคาม

พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้กองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพ จัดทำแผนการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจ นำไปสู่การใช้กำลังทหาร เช่น แผนรับมือผู้หนีภัยจากการสู้รบ แผนรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดน แผน ช่วยเหลือพลเรือน และแผนการใช้กำลัง โดยเฉพาะหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวไทยใน กัมพูชาและการอพยพกลับประเทศ

รวมทั้งแผนเสริมกำลังเมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้น โดยให้เตรียมยุทโธปกรณ์ อาวุธประจำหน่วยและประจำกาย โดยเฉพาะกระสุนและวัตถุระเบิดให้เพียงพอ และพิจารณาปรับแผนงาน โครงการ
และงบประมาณเพื่อซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์และจัดหาสิ่งอุปกรณ์ที่ขาดแคลน

พร้อมทั้งมอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทยเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำรายงานสถานการณ์แบบบูรณาการ เสนอแนวทางการเตรียมก เพื่อตอบสนองสถานการณ์และรักษาเสถียรภาพชายแดนในทุกมิติ

ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานภายใต้กระทรวงกลาโหมดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพภายใต้กรอบและนโยบายของรัฐบาล โดยยึดแนวทางของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา