เลขา ป.ป.ช.ปัดเร่งสอบปมคลิปเสียงนายกฯ สาระสำคัญอยู่ที่ข้อความ

เลขา ป.ป.ช.ไม่กดดันสอบคลิปเสียง 'นายกฯ-ฮุน เซน' ปัดเร่งรัด ชี้สาระสำคัญอยู่ทีข้อความ รอถอดเทป ก่อนชงที่ประชุมชุดใหญ่ต่อ เผยยังไม่ถึงขั้นตอนเชิญนายกฯ
เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2568 นายสาโรจน์ พึงรําพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ป.ป.ช.มีมติรับสอบคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่า เรื่องดังกล่าวมีการร้องเรียนมาที่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่มีคนร้องเรียนคดีสำคัญเป็นที่สนใจของประชาชน และที่สำคัญคือ ป.ป.ช.จะต้องรายงานและสรุปรายงานว่ามีการกล่าวหาใครว่าอย่างไรบ้างต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการกำหนดระยะเวลาการสอบประเด็นดังกล่าวภายใน 10 วันนั้น นายสาโรจน์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ หลังจากที่ประชุมรับทราบแล้วจะมีการกำหนดประเด็น และสิ่งที่จะต้องไปดำเนินการในเบื้องต้น รวมถึงระยะเวลา และเมื่อดำเนินการเสร็จ ที่ประชุมมอบหมายมีมติแล้วก็จะต้องกลับมารายงานที่ประชุมเพื่อพิจารณาในขั้นตอนต่อไป ไม่ได้หมายความว่าเสร็จ 10 วัน และจะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตามที่ปรากฏในข่าว พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เร่งรัดอะไรขนาดนั้น
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบ นายสาโรจน์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการรับมาตรวจสอบ โดยปกติหากมีคนร้องเรียนเข้ามา สำนักงาน ป.ป.ช.ก็จะพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขหรืออยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.หรือไม่ ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ก็จะรับมาตรวจสอบ คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริยธรรมกับการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ ก็เป็นกระบวนการตรวจสอบเหมือนเรื่องอื่นปกติทั่วไป ถ้ามีประเด็นหรือรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบน้อย ก็อาจจะใช้เวลาไม่นาน แต่หากมีรายละเอียดมากนั้น ส่วนใหญ่แล้วกรอบระยะเวลาทั่วไป และไม่เสร็จภายใน 6 เดือน ก็จะต้องรายงานกลับมาว่ามีข้อขัดข้องอย่างไร
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้ทำไมถึงมีความเร่งรีบในการตรวจสอบ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ไม่ได้เร่งรีบ เป็นเรื่องที่มอบหมายให้ไปดำเนินการ และกลับมารายงานว่าการดำเนินการตามประเด็นที่ได้รับมอบหมายมีความคืบหน้าอย่างไร ก็เป็นการเร่งรัดในคดีสำคัญทั่วไปอยู่แล้ว และปราศจากภายใต้ข้อจำกัดทางการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเรียกสอบพยานหลักฐานในคดีนี้ นายสาโรจน์ กล่าวว่า ต้องไปดูพยานหลักฐานที่ปรากฏ เรื่องของคลิปเสียงก็จะต้องไปตรวจสอบความถูกต้องของข้อความ เนื่องจากมีการสนทนา 2 ภาษา ทั้งภาษาไทยและต่างประเทศ ต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามีความถูกต้องในการแปลหรือไม่ เบื้องต้นจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ก่อน เพราะต้องถอดบทข้อความสนทนาให้มีความชัดเจน เพราะสาระสำคัญอยู่ที่ข้อความ
ส่วนจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาหรือไม่นั้น นายสาโรจน์ กล่าวว่า ก็สามารถทำได้หลายมิติ ในชั้นตรวจสอบจะเข้าสู่สำนวนเป็นพยานหลักฐานต่อเนื่องไปถึงในชั้นไต่สวน แต่หากจำเป็นต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโดยตรง ต้องยอมรับว่าเบื้องต้นในช่วงระยะเวลาตรวจสอบสั้นๆ มีหลายวิธี หรืออาจจะเชิญคนไทยที่มีความรู้ สามารถพูด ฟังหรือสื่อสารภาษาดังกล่าวได้ ก็เอามาให้ข้อมูลในประเด็นดังกล่าวได้ ไม่ต้องถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ
เมื่อถามว่า จะต้องเรียก น.ส.แพทองธารมาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ถ้ามีความชัดเจนอยู่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียก และหากข้อมูลเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาก็จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ซักอีกว่า กรอบจริยธรรมว่ามีความกว้างมาก นายสาโรจน์ กล่าวว่า กรอบจริยธรรมมีหลักชัดเจนในเรื่องต่างๆ ว่าอย่างไรถึงจะผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง และมีบรรทัดฐานในการดำเนินคดี เพราะคดีนี้ไม่ใช่คดีแรก รวมถึงศาลก็กรอบในการวินิจฉัยในเรื่องจริยธรรมเช่นกัน
เมื่อถามถึงประเด็นในการตรวจสอบเบื้องต้น นายสาโรจน์ กล่าวว่า จำรายละเอียดไม่ได้ แต่ที่สำคัญจะเป็นเรื่องความชัดเจนของคลิปเสียง เพราะถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ต้องไปตรวจสอบหลักฐานนี้ก่อน และกลับมารายงานว่าผลเป็นอย่างไร เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ถามย้ำว่า กรณีนี้เป็นเรื่องความมั่นคงจะต้องมีการเชิญหน่วยงานทหาร หรือกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาด้วยหรือไม่ นายสาโรจน์ กล่าวว่า ต้องดูว่ามีประเด็นที่เกี่ยวข้องไปถึงหรือไม่ เพราะเบื้องต้นเราจะเน้นตรวจสอบเรื่องคลิปเสียงตามที่ผู้กล่าวหาร้องเรียนเข้ามา หากตรวจสอบแล้วมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกหน่วยงานอื่นก็จะเป็นการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ส่วนเรื่องนี้หากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณา ป.ป.ช.จะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายสาโรจน์ กล่าวว่า ในเบื้องต้นไม่จำเป็น เข้าใจว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในส่วนของคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่ของ ป.ป.ช.เป็นเรื่องการฝ่าฝืนจริยธรรม เป็นเรื่องของพฤติกรรม การกระทำ เป็นคนละส่วนกัน แต่ก็จะทำควบคู่กันไป ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน
เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวด้วยว่า ไม่ได้หนักใจ เพราะ ป.ป.ช.มีหน้าที่ทำคดีเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่แล้ว รวมไปถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองครอบคลุมไปหมด ก็เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าว มีเรื่องเข้ามาเยอะไปหมด แต่เราก็ต้องตั้งหลักให้ดี ยึดหลักกฎหมาย และไม่ว่าผลจะออกมาซ้ายหรือขวาก็จะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เราจึงต้องอธิบายเหตุผลให้ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ นายสาโรจน์กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกกดดัน เพราะเราทำคดีอย่างตรงไปตรงมา







