ปฏิทินก.ค. ไทม์ไลน์ร้อน นิติสงคราม ฉาก‘เซ็ตซีโร่’

หากจะพูดถึงเกมสภาฯ ในวันที่สมการ “รัฐบาลแพทองธาร” ไร้ 69 เสียงพรรคภูมิใจไทย ด้วยจำนวนเสียงที่เหลืออยู่ 260-270 เสียง ทั้งขั้วรัฐบาลเดิม รวมถึงบรรดางูเห่าที่ฝากเลี้ยงไว้แต่ละพรรค ในระดับเกินกึ่งหนึ่งของสภาฯ คือ 248 เสียง มากว่า 10 เสียง 

แม้จะอยู่ในระดับปริ่มน้ำ แต่ในมุมของพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำยังเชื่อว่า จำนวนเสียงที่เหลืออยู่จะสามารถประคับประคองรัฐบาล ฝ่ามรสุมต่อไปได้ โดยเฉพาะวาระสำคัญที่ค้างคาอยู่ในสภาฯ และเตรียมพิจารณาหลังเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค.นี้ 

ทว่า ที่ต้องจับตาคือ “เกมนอกสภาฯ” ท่ามกลางสารพัดปมร้อนซึ่งถูกจับตาว่า การเมืองอาจได้เห็นฉากล้างกระดาน ในเร็ววัน

ทั้ง"นิติสงคราม"ที่กำลังรุกไล่ “2 พ่อลูก” ทั้ง“นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร รวมถึง “ทักษิณ ชินวัตร”นายใหญ่เพื่อไทยผู้เป็นบิดา จึงต้องจับตาไทม์ไลน์ร้อนในช่วงเดือน ก.ค. ซึ่งมีคดีสุ่มเสี่ยงค้างคาอยู่ในกระบวนการ 

ไล่เรียงมาตั้งแต่ วันที่ 1 ก.ค. ซึ่งจะเป็นวันแรกที่ศาลอาญานัดสืบพยานโจทก์และจำเลย ในคดีที่ “ทักษิณ” ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราชอาณาจักร จากกรณีให้สัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน กับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2558

สำหรับการสืบพยานที่เกี่ยวข้อง มีทั้งหมด 7 นัด โดยฝ่ายโจทก์นัดในวันที่ 1, 2 และ 3 ก.ค.2568 และนัดสืบพยานฝ่ายจำเลยจะเริ่มในวันที่ 15-16-22 และ 23 ก.ค.2568 ก่อนมีคำพิพากษาของศาลต่อไป

ช่วงเวลาเดียวกัน วันที่ 1 ก.ค. จะมีการประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกจับตาวาระการเมือง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่ศาลจะพิจารณา “รับ”หรือ“ไม่รับ”คำร้องถอดถอน “นายกฯแพทองธาร” ตามคำร้องของ“มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา ยื่นให้ศาลพิจารณาในนามของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 36 คน

คำร้องดังกล่าวอ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 โดยระบุว่า "แพทองธาร" กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

ฉะนั้นต้องจับตานอกเหนือจากคำร้องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในคำร้องเดียวกันยังมีการร้องขอให้ ศาลสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ หากมีมติ“รับคำร้อง”อีกด้วย

เหนือไปกว่านั้น ต้องจับตาในคดีเดียวกันนี้ ยังมีในส่วนที่ สว.ยื่นคำร้องคู่ขนาน ในประเด็น“จริยธรรม” ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งล่าสุดมติที่ประชุมกรรมการป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นเอกฉันท์ให้รับตรวจสอบเบื้องต้น

คำชี้แจงจาก ป.ป.ช. ยืนยันว่า กรรมการไม่ได้กำหนดการกรอบเวลา จะต้องตรวจสอบเบื้องต้นให้เสร็จภายใน 10 วัน ตามกระแสข่าวที่ออกมา เพียงแต่กำชับให้เร่งตรวจสอบให้เสร็จโดยเร็ว

แน่นอนว่า เกมเอาคืนระหว่าง“ฝั่งสีน้ำเงิน” หลังถูกผลักออกจากขั้วรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน สะท้อนชัดว่า เป้าหมายสำคัญอยู่ที่การขยี้“นายกฯอิ๊งค์” ผู้เปรียบเสมือนเป็น“กล่องดวงใจ”นายใหญ่ ในสภาวะที่ต่างฝ่ายต่างก็มีแผล

ฝั่งหนึ่งเจอเกมเขย่าเก้าอี้ อีกฝั่งก็มีคดีโพยฮั้วสว.ที่ส่อแววล้างกระดานสีน้ำเงินเช่นเดียวกัน  

อีกช็อตที่ต้องจับตา วันที่4 ก.ค. ซึ่งจะเป็นวันแรกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนกรณีการบังคับโทษจำคุกของ “ทักษิณ” ซึ่งถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ 

โดยกรณีนี้ศาลเตรียมนัดไต่สวนพยาน 20 ปาก รวม 6 นัด คือ วันที่ 4 -8-15-18-25-30 ก.ค.

ถัดมาวันที่ 8 ก.ค. ต้องจับตาวาระศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีทั้งกรณีสว.ยื่นถอดถอนแพทองธาร หากวาระดังกล่าวไม่เข้าสู่ที่ประชุมในวันที่ 1 ก.ค. 

รวมถึง กรณี“ณัฐพร โตประยูร” ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีล้มล้างการปกครองเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการเลือกสว.เพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของผู้ถูกร้อง 12 ราย ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)พรรคภูมิใจไทย กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และบุคคลภายนอกร่วมกันกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ท่ามกลางเกม “นิติสงคราม”  ที่ต่างฝ่ายต่างเปิดฉากใส่กันแบบไม่ยั้งในเวลานี้ ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ “ม็อบรักชาติ” ซึ่งเป็นกลุ่มคนหน้าเดิมที่ไม่เอาตระกูลชินวัตร กำลังปลุกกระแสเคลื่อนมวลชน  นัดรวมพลังคนรักชาติที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ วันที่ 28 มิ.ย.2568

ยุทธศาสตร์ของกลุ่ม “ไม่เอาตระกูลชินวัตร” ชัดเจนว่า ต้องปั่นกระแสม็อบรักชาติ คู่ขนานไปกับเกมนิติสงคราม เพื่อสร้างพาวเวอร์ในการเคลื่อนมวลชนให้ดูมีพลังหวังผลไปที่การ “เซ็ตซีโร่” ในเร็ววัน 

ต้องจับตาปฏิทินการเมืองในเดือน ก.ค.ภายใต้สถานการณ์ที่กำลังอยู่ในสภาวะเปราะบาง ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่สัญญาณล้างกระดานผ่าน“เกมนิติสงคราม”กำลังดำเนินอยู่อย่างเร่งเร้าในคราวเดียวกัน!