'เพื่อไทย' ดึงเกมไล่นายกฯ ยื้อยุบสภา ผนึก ครม. ปิดช่องล้มรัฐบาล

"เพื่อไทย" ปรับ ครม.ลุยผลักดันนโยบายด้านสังคม เศรษฐกิจ หวังกู้เรตติ้งภาพลักษณ์เพื่อสยบกระแสขับไล่ ขณะเดียวกันต้องดึงเกมยุบสภา รักษาอำนาจของ "แพทองธาร"
KEY
POINTS
- องคาพยพไล่ต้อน “แพทองธาร” ชั่วโมงนี้ อาจยังแรงไม่พอจะโค่นนายกฯ ลงได้ “เพื่อไทย” จึงเดินเกมต่อ ไม่รอกระแสม็อบ ตัดสินใจลุยปรับ ครม.จัดทัพใหม่
- สูตรเปลี่ยนตัวนายกฯ ในเวลานี้หลังผ่านงบประมาณปี 69 ไม่ได้รับการตอบสนองจาก "เพื่อไทย"
- ดึงเกมรักษาอำนาจ ดับกระแสล้มรัฐบาล ยังไม่ถึงเวลาใช้อำนาจยุบสภาฯ ที่ "เพื่อไทย" กุมความได้เปรียบ
- "เพื่อไทย" จำเป็นต้องดึงเก้าอี้ มท.1 มาอยู่ในมือ เพื่อจัดทัพผู้ว่าฯ ใหม่ ล้างบางผู้ว่าฯ เครือข่ายสีน้ำเงิน เดินหน้าแก้ไขปัญหายาเสพติด
- ยุทธศาสตร์ "เพื่อไทย" ปิดช่องสุ่มเสี่ยงความขัดแย้ง นายกฯ ต้องไม่เติมเงื่อนไขความขัดแย้งรอบใหม่โดยไม่จำเป็น
กระแสร้อน เร่งเร้าให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ลาออกจากนายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่กระทั่งเรียกร้องให้ยุบสภาฯ ในทันที นับจากประเด็นข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา จากเหตุการณ์ปะทะ 28 พ.ค.68 ลามมาถึงการปล่อยคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร-ฮุน เซน”
ที่ส่งผลสะเทือนถึงสถานะการเมืองของแพทองธาร เพราะนับจากเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ต่อจาก “เศรษฐา ทวีสิน” เกือบ 1 ปี ยังไม่เคยเผชิญมรสุมทางการเมืองรุนแรงหนักหน่วงเท่าวันนี้
แม้มวลชนหัวขบวนที่อยู่ตรงข้าม “เพื่อไทย” และ“ทักษิณ ชินวัตร” จะอาศัยเชื้อไฟจากข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดนมาปลุกกระแสระดมมวลชน นัดชุมนุมใหญ่ 28 มิ.ย.2568
รวมทั้งเกมปล่อยข่าวจากพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ผ่านกลุ่มหัวหน้า "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" ทั้งกระแสบีบให้ “แพทองธาร” ลาออกเพื่อเปลี่ยนตัวเป็น “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย คนสุดท้าย หลังผ่านการโหวตเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 หรือกระแสจากพรรคฝ่ายค้านให้ยุบสภาฯ เพื่อล้างกระดานใหม่
มีการประเมินว่า องคาพยพที่ไล่ต้อน “แพทองธาร” ชั่วโมงนี้ อาจยังแรงไม่พอจะโค่นนายกฯ ลงได้ “เพื่อไทย” จึงเดินเกมต่อ ไม่รอกระแสม็อบ ตัดสินใจลุยปรับ ครม.จัดทัพใหม่ โดยมีโควตา 8 รัฐมนตรีที่ว่าง ให้ลงตัวสำหรับ 11 พรรคร่วม เพื่อเดินหน้าผลักดันนโยบายเรือธง และกู้เรตติ้งกลับคืนมาให้ได้
เพื่อไทยให้ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรค ออกมาดับเครื่องชน ประกาศจุดยืน เพื่อหยุดกระแสไล่นายกฯ-ยุบสภา
“รัฐบาลยืนยันจะเดินหน้าทำงานต่อไป ไม่ลาออก และไม่ยุบสภา เพราะเป้าหมายของเราคือ การเร่งแก้ปัญหาให้จบ และผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริง เราเชื่อว่าความต่อเนื่องในการบริหารประเทศเป็นสิ่งจำเป็น”
สิ่งที่สังคมจับตาต่อไปคือ การจัดวางรัฐมนตรีแพทองธาร 1/2 จะถูกฝาถูกตัว สามารถขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้สำเร็จ และสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การจัดทัพรัฐมนตรีกลางศึกครั้งนี้ หลายเก้าอี้มีความสำคัญในการวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง
เก้าอี้ รมว.มหาดไทย หรือ มท.1 ที่ “นายใหญ่เพื่อไทย” ส่งสัญญาณให้ยึดกลับมาอยู่กับเพื่อไทย เวลานี้ก็ไร้อุปสรรคเมื่อภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลไปแล้ว
ยุทธศาสตร์ของเพื่อไทย ที่จำเป็นต้องดึงเก้าอี้ มท.1 มาอยู่ในมือ เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดทัพผู้ว่าฯ ใหม่ ด้วยการโยกย้ายสับเปลี่ยนผู้ว่าฯ โดยเฉพาะเครือข่ายสีน้ำเงิน และจังหวัดที่ไม่ตอบสนองนโยบายของ “เพื่อไทย” โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ด้วยเวลาที่เหลืออีกไม่นาน ปลายทางอาจเลือกตั้งใหญ่เร็วกว่ากำหนดในปี 2570 ฉะนั้น การโละผู้ว่าฯ สายสีน้ำเงินออกไป จึงจำเป็น เพื่อจัดทัพผู้ว่าฯ ใหม่ ไปประสานกับนายอำเภอในพื้นที่ในภารกิจต่างๆ
ว่ากันว่า ในยุคกระทรวงมหาดไทย ที่ภูมิใจไทยกำกับดูแล มีเสียงสะท้อนจาก สส.เขตเพื่อไทย ว่าไม่ได้รับการตอบสนองจากกลไกมหาดไทยเท่าที่ควร การเปลี่ยนแปลงรอบนี้จึงหวังว่ามหาดไทยจะสามารถตอบสนองนโยบายหลักของพรรคได้ และถ้าหากผู้ว่าฯ รายใดไม่ให้ความร่วมมือ ก็จัดการได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกัน ที่ไม่อาจมองข้าม คือ ปัญหาพรรคร่วมรัฐบาล ที่ “รวมไทยสร้างชาติ” ขยับลำดับขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ท่ามกลางกระแสข่าวว่าการเป็นพรรค “อกแตก” แยกเป็น 2 ขั้วในพรรคชัดเจน
โดยขั้วหัวหน้า-เลขาฯ พรรค ยังมีเงื่อนไขการเรียกร้องให้นายกฯ แสดงความรับผิดชอบกรณีคลิปเจรจาผู้นำกัมพูชา ขณะที่อีกขั้ว กลุ่มรองหัวหน้าพรรค สุชาติ ชมกลิ่น กลับมีท่าทีพร้อมหนุนนายกฯ ไปต่อ เพียงแค่ต้องแลกด้วยเก้าอี้ที่เหมาะสม
ภาพการจับมือ ผนึกกำลังกัน ของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมโรสวูด เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.68 ชัดเจนว่า รัฐบาลเพื่อไทยยังเดินหน้าทำงานกันต่อ แสดงจุดยืนชัดเจนว่า นายกฯ แพทองธาร ไม่ลาออก ไม่ยุบสภาฯ ตามกระแสเรียกร้อง ไปโดยปริยาย
เพื่อไทย มีความมั่นใจว่า เป้าหมายจำนวน สส.ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่มีเสถียรภาพ จะมีไม่ต่ำกว่า 260-270 เสียงขึ้นไป และไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งสมการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ ยังถือว่าปลอดภัย สำหรับความมั่นคงของเก้าอี้นายกฯ “แพทองธาร”
สำหรับสูตรเปลี่ยนตัวนายกฯ ให้ “ชัยเกษม นิติสิริ” แคนดิเดตเบอร์สุดท้ายของเพื่อไทย หรือพรรคใดที่หวังส้มหล่น จึงยังไม่เกิดขึ้น ในเวลานี้ โดย "แพทองธาร" จะลุยไปให้ไกลที่สุด แม้จะผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ในวาระที่ 3
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จะมีความพยายามที่ว่า แต่เพื่อไทยยังต้องเผชิญกระแสความเชื่อมั่นทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชน ที่ยังไม่เห็นเป็นรูปธรรม รวมทั้งการผลักดันนโยบายหลักอย่าง การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อเป็นรายได้ใหม่ของประเทศ การสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ ก็ยังห่างไกลความสำเร็จ
โจทย์เหล่านี้ จึงเป็นเรื่องที่ “ครม.ใหม่” ของรัฐบาล “แพทองธาร 1/2” จะต้องเร่งแก้ปัญหาต่อไป
แน่นอนว่าการยื้อตำแหน่งนายกฯ ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่มีเงื่อนไขความขัดแย้งมาแทรกซ้อน จึงเป็นการเดินเกมที่ “เพื่อไทย” จำเป็นต้องวางหมากต่อไป
ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีเสียงบ่นภายในพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.หรือแม้แต่ สต.(สอบตก)บางส่วน ทำนองว่า เลือกตั้งครั้งหน้า โอกาสไม่ง่ายนักที่ “เพื่อไทย” จะชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งอย่างที่หวัง เลวร้ายสุด อาจได้ สส.ต่ำ 100 ที่นั่ง
สถานการณ์นาทีนี้ พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องประคอง “นายกฯ แพทองธาร” ให้ปลอดภัย และอยู่อำนาจได้นานที่สุด
ต้องยอมรับ จุดอ่อนของแพทองธาร เรื่องความเชื่อมั่นสูง และมักเลือกฟังคนใกล้ชิดระดับเดียวกันมากเกินไป
ฉะนั้น หลังจากนี้ จึงต้องจับตาว่า นายกฯ เจน Y จะปรับท่าที ปรึกษาคีย์แมนรุ่นเก๋าของพรรคหรือไม่ ซึ่งอาจได้บทเรียนจากกรณีคลิปฮุน เซน ที่ “แพทองธาร” ลุยเองหน้างาน โดยไม่ได้ปรึกษา “บิดา” หรือทีมที่ปรึกษา ก่อนต่อสาย “อังเคิลฮุน เซน”
ยุทธศาสตร์ของเพื่อไทย จากนี้ไปจึงเน้นไปที่ตัวนายกฯ จะต้องปิดช่องสุ่มเสี่ยง ไม่เติมเงื่อนไขความขัดแย้งรอบใหม่โดยไม่จำเป็น ความสำเร็จในการล้มรัฐบาลที่ผ่านมา เป็นบทเรียนที่เห็นได้ชัดว่า ล้วนเกิดจากการกระทำของผู้นำแทบทั้งสิ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







