นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’ ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น

นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’  ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น

นิติสงครามล้ม‘แพทองธาร’ ‘อังเคิล’เอฟเฟ็กต์ ‘ฝ่ายแค้น’ยืมมือศาล-ป.ป.ช.คว่ำ ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น‘คนเคยรัก’

KEY

POINTS

  • จากสารพัดปัจจัยเสี่ยง ที่กำลังรายล้อมรัฐบาล รวมถึง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร อยู่ในเวลานี้ ไม่ต่างจากสถานการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เต็มไปด้วย “เกมชิงไหวชิงพริบ” ทิ้งไว้ซึ่งคำถามที่ว่า ถึงที่สุด จะกอดคอร่วมหัวจมท้ายไปได้ไกลแค่ไหน
  • ศึกซักฟอกต้องจับตาว่า ลำพังภูมิใจไทยมีเสียงอยู่ในมือ 69 เสียง ยังต้องการอีก 30 เสียง จึงต้องไปลุ้นจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งพรรคประชาชน และพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ  “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่มีแรงแค้นเดียวกัน ว่าจะยอมร่วมลงชื่อในญัตติซักฟอกหรือไม่ 
  • “จุดเสี่ยง” ของนายกฯแพทองธาร จริงๆ อาจอยู่ที่“นิติสงคราม” ที่กำลังเปิดฉากในเวลานี้ 
  • ที่ต้องจับตาคือ การประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 1 ก.ค. ถูกจับตาว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่ศาลจะพิจารณา“รับ-ไม่รับ” คำร้องถอดถอน

รัฐบาลเพื่อไทยไปต่อ โผ ครม.“แพทองธาร1/2” สัญญาณล่าสุดถูกตัดจบสยบป่วน รวบไว้ที่ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร เพื่อสกัดเกมต่อรอง วิ่งเต้น โดยเฉพาะภายในพรรคเพื่อไทย ที่ว่ากันว่า ฝุ่นตลบจนนาทีสุดท้าย   

ขณะที่ “สมการใหม่” ขั้วรัฐบาลในวันที่ไร้ “69เสียง” ภูมิใจไทย รัฐบาลจะเหลือเสียงในมือ 260-270เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสภาคือ 248 เสียงมาเพียง 10 กว่าเสียง 

แม้ในมุมของพรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคแกนนำ ยังเชื่อว่าจะสามารถประคับประคองรัฐบาลฝ่ามรสุม เพื่อดันวาระสำคัญ โดยเฉพาะหลังเปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ที่จะมีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2-3 

นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’  ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น

ทว่า จากสารพัดปัจจัยเสี่ยง ที่กำลังรายล้อมรัฐบาล รวมถึง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร อยู่ในเวลานี้ ไม่ต่างจากสถานการณ์ภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่เต็มไปด้วย “เกมชิงไหวชิงพริบ” ทิ้งไว้ซึ่งคำถามที่ว่า ถึงที่สุด จะกอดคอร่วมหัวจมท้ายไปได้ไกลแค่ไหน

สถานการณ์อย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แม้เวลานี้จะถูกปิดจ็อบตรงที่ “36เสียง” จะยังคงร่วมรัฐบาลต่อไป แต่อย่างที่รู้กันภายใต้ “เกมร้าว” พรรคสีธงชาติ ที่ถูกแบ่งออกเป็น2ขั้วอย่างชัดเจนและไม่มีทีท่าว่าจะคืนดีกันได้ 

ฝั่ง“สุชาติ ชมกลิ่น” รองหัวหน้าพรรค และรมช.พาณิชย์ ตั้งคำถามดังๆไปถึง “นายกฯอิ๊งค์” เหตุใด “กลุ่มหัวหน้าพี” จึงได้ 2 รมว. ในขณะที่กลุ่มของตัวเองได้ 1 รมว. 1 รมช. ทั้งที่มีสส.18คนเท่ากัน 

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เป็น “กลุ่มหัวหน้าพี” ที่ออกมาเรียกร้องให้เปลี่ยนนตัวนายกฯ พร้อมขู่ถอนตัวเสียด้วยซ้ำ

นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’  ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น

อ่านเกม “18 เสียง” รวมไทยสร้างชาติ ในฝั่งของ “พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค  ท่ามกลางครหาที่ว่าเป็นการ “พลิกมติ” กรรมการบริหาร 

เบื้องหน้ามีคำชี้แจงมาจาก “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกฯ และรมว.พลังงาน หยิบยก 3 เหตุผลหลักใหญ่ใจความสำคัญอยู่ตรงที่ 

“นายกรัฐมนตรี จะต้องดำเนินการแก้ไขด้วยตัวเอง ในส่วนของรัฐบาลนั้น มีงานเร่งด่วนที่จะต้องรีบดำเนินการ คือการผ่านร่างงบประมาณปี 69 เพื่อใช้ในการบริหารประเทศ ซึ่งถ้าหากต้องยุบสภาฯ ในช่วงนี้งบประมาณปี 69 ก็ต้องหยุดชะงัก และเริ่มต้นใหม่หลังจากรัฐบาลใหม่ ซึ่งน่าจะใช้เวลาต่อจากนี้ไปอีกประมาณ 9 เดือน ”

ว่ากันว่า เบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ เกิดจากข้อตกลงร่วมกัน ระหว่าง “ผู้นำหลังฉาก”ทั้งฝั่ง“หัวขบวนอนุรักษนิยม” และฝั่ง“นายใหญ่” ยืมมือ“พีระพันธ์ุ”เพื่อผลักดันภารกิจสำคัญ 

โดยเฉพาะ  3 กฎหมายอย่าง กฎหมายกำกับดูแลการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง  กฎหมายที่อนุญาตส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซล่าเซลล์ และ กฎหมายการจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ

มีการประเมินว่า หากแก้กฎหมายสำเร็จนั่นหมายถึงการ“เขย่าสูตรพลังงาน” ขนานใหญ่ รวมถึงการรวมศูนย์อำนาจแทนที่จะกระจัดกระจายแบ่งแยกซุกไว้หลายกระเป๋าเหมือนในเวลานี้ 

นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’  ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น

ภท.เปิดเกมเร็ว-เคลื่อนแรง

ขณะที่เกมสภาฯเห็นชัดถึงการเปิดเกมเร็ว-เคลื่อนเกมแรง  โดยเฉพาะภูมิใจไทยเวลานี้เข้าสู่โหมดการเป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มระบบ 

ประเดิมภารกิจแรก ด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทันทีหลังเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 ก.ค.68 นี้

ตามรัฐธรรมนูญมาตราเดียวกันระบุว่า ญัตติดังกล่าวจะต้องมีสส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติ 

โดยขณะนี้สภาฯ มีสส.495 คน ฉะนั้นเสียง 1 ใน 5 จะต้องมีเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 99 เสียง ขณะที่เสียงฝ่ายค้านเวลานี้มีอยู่ 239 เสียงแบ่งเป็น พรรคประชาชน 143 เสียง(อยู่ขั้วฝ่ายค้าน142เสียง ข้ามขั้ว1เสียง) ภูมิใจไทย 69 เสียง พลังพลังประชารัฐ 20 เสียง ไทยสร้างไทย 6 เสียง(อยู่ขั้วฝ่ายค้าน1เสียง ข้ามขั้ว5เสียง) เป็นธรรม 1 เสียง

ต้องจับตาว่า ลำพังภูมิใจไทยเองมีเสียงอยู่ในมือ 69 เสียง ยังต้องการอีก 30 เสียง ฉะนั้นจึงต้องไปลุ้นเสียงจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งพรรคประชาชน และพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ  “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่มีแรงแค้นเดียวกัน ว่าจะยอมร่วมลงชื่อในญัตติซักฟอกหรือไม่ 

จริงอยู่ หากมอง “เกมสภาฯ” ภายใต้  “สมการใหม่” ในวันที่ไม่มีพรรคภูมิใจไทย แม้รัฐบาลจะมีเสียงสนับสนุนเพียงพอให้ไปต่อได้ ทว่า “จุดเสี่ยง” ของนายกฯแพทองธาร จริงๆ อาจอยู่ที่“นิติสงคราม” ที่กำลังเปิดฉากในเวลานี้ 

นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’  ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น

"นิติสงคราม"เขย่าเก้าอี้"แพทองธาร" 

ที่ต้องจับตาคือ การประชุมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 1 ก.ค. ถูกจับตาว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่ศาลจะพิจารณา“รับ-ไม่รับ” คำร้องถอดถอน“นายกฯแพทองธาร” ตามคำร้องของ“มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภาในนามสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 36 คน

ไล่ลึกลงไปในคำร้องดังกล่าวอ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 โดยระบุว่า “แพทองธาร” กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ที่อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5)

นอกจากคำร้อง ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในคำร้องเดียวกันยังมีการร้องขอให้ ศาลสั่งให้ “แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่หากมีมติ “รับคำร้อง”อีกด้วย

อีกทั้งในคดีเดียวกันนี้เอง ยังมีในส่วนที่สว.ยื่นคำร้องคู่ขนานในประเด็น“จริยธรรม”ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งล่าสุดมติที่ประชุมกรรมการป.ป.ช.เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมามีมติเอกฉันท์ให้รับตรวจสอบเบื้องต้น

 เกมเอาคืนของ “ฝั่งสีน้ำเงิน” หลังถูกผลักออกจากขั้วรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้าน สะท้อนชัดว่า เป้าหมายสำคัญอยู่ที่การขยี้“นายกฯอิ๊งค์” ผู้เปรียบเสมือนเป็น“กล่องดวงใจ” นายใหญ่  

เกมเร็วเคลื่อนแรง โดยยืมมือองค์กรอิสระเชือดนายกฯ ที่กำลังเปิดฉากเอาคืนกันในเวลานี้ ทำไปทำมาจะกลายเป็น “เกมผสมโรง” ของบรรดา “ฝ่ายแค้นที่เคยรัก” ไม่ว่าจะเป็น “ฝั่งสีน้ำเงิน” ที่กุมอำนาจสภาสูง แถมวางเครือข่ายไว้ในองค์กรอิสระในเวลานี้ ไม่ต่างจากฝั่ง“ลุงบ้านป่าฯ” ที่ยังคงหลงเหลือเครือข่ายอยู่ในป.ป.ช. เช่นเดียวกัน

นิติสงครามจ้องล้ม‘แพทองธาร’  ‘ภท.’ประสาน‘ลุงบ้านป่า’สางแค้น  

อดีตตุลาการศาลมองโอกาส“รับคำร้อง”

ความเห็นจาก “จรัญ ภักดีธนากุล” อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า กรณีนี้อาจเป็นทำนองเดียวกันกับอดีตนายกฯพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังรับคำร้องวินิจฉัยกรณีการนับวาระความเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ  และไม่คิดว่ามีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องขอข้อมูลฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ มาพิจารณาก่อนวินิจฉัยว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง 

ต่างจากกรณีการยื่นตีความขบวนการสว.ล้มล้างการปกครองตรงนั้นไม่มีอะไรชัดเจนแน่นอนจึงต้องฟังความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ก่อน

จริงอยู่ประเด็นนี้ยังมีมุม “แทงสวน” อ้างถึงทฤษฎีที่ว่า หากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ “รับคำร้อง” อาจจะ“สั่ง” หรือ “ไม่สั่ง” ให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ได้ โดยคำสั่ง “หยุด-ไม่หยุด” ไม่มีผลผูกพันธ์ต่อคำวินิจฉัย ซึ่งกระบวนการยังอีกยาวไกล

เทียบเคียงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกศาลสั่งยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ต่อมาศาลวินิจฉัยไม่สิ้นสุดสภาพการเป็นนายกรัฐมนตรี กลับกันในกรณี “เศรษฐา ทวีสิน” ซึ่งถูกยื่นวินิจฉัยประเด็นคุณสมบัติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งศาลไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่แต่ต่อมาภายหลังกลับวินิจฉัยให้สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี 

แต่อย่าลืม ภายใต้สภาวะการเมืองที่กำลังอ่อนไหวรัฐบาลไม่ได้เข้มแข็งเหมือนในยุคพล.อ.ประยุทธ์ หรือรัฐบาลเศรษฐา ไม่ต่างจากเกมนิติสงครามที่เห็นชัดญาณชัดว่ากำลังเดินเกมเร็ว-เล่นเกมแรง

 แน่นอนว่า หากศาลสั่งให้“แพทองธาร” หยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้ตามกฎหมายจะระบุว่าให้รองนายกฯในลำดับถัดไป คือ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม ทำหน้าที่รักษาการ  แต่ในสภาวะเปราะบางเช่นนี้ ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะสุญกาศในรัฐบาลแถมเข้าทางเกมการเมืองที่รอจังหวะเปิดเกมรุกกลับเป็นได้ 

สอดรับเกมเคลื่อนนอกสภาฯ ที่ชิงจังหวะคู่ขนานเกมนิติสงครามปลุกมวลชน ไม่เอาตระกูลชินวัตร เปิดเกมเคลื่อนพลหลังจากนี้  

แม้เวลานี้ รัฐบาลยังเชื่อมั่นว่า เสียงที่มีอยู่ในมือจะประคับประคอง“นายกฯอิ๊งค์” ให้บริหารประเทศต่อไปได้ แต่ด้วยสภาวะเปราะบาง ที่รัฐบาลกำลังเผชิญ“นิติสงคราม” อาจเป็น“จุดเสี่ยง”นำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ในท้ายที่สุด