เผย 3 ทศวรรษศาล รธน.ยุบพรรคนับไม่ถ้วน อ้างแก้วิกฤติการเมือง

'จิรนิติ' ลั่นศาล รธน.ไม่ใช่ 'ซูเปอร์ศาล' ไร้อำนาจแทรกแซงคำพิพากษาศาลอื่น รับปัจจุบันบทบาทถูกขยายมากกว่าเดิม เผย 3 ทศวรรษยุบพรรคมานับไม่ถ้วน แก้วิกฤติการเมือง
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568 ที่โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กทม. ศาลรัฐธรรมนูญไทย ในฐานะประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญและสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) จัดการบรรยายสาธารณะ (Public Lecture) หัวข้อ "The Courts and the Protection of Human Rights" โดยมีนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม ซึ่งมีผู้แทนจาก 21 ประเทศเข้าร่วม อาทิ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐทูร์เคีย และสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน โดยส่วนหนึ่งเข้าร่วมผ่านระบบออนไลน์
ทั้งนี้ นายจิรนิติ หะวานนท์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้บรรยายหัวข้อ “ศาลรัฐธรรมนูญไทยใน 3 ทศวรรษและความท้าทายในทศวรรษหน้า” โดยไล่เรียงพัฒนาการของศาลฯ ตั้งแต่การก่อตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2540 จนถึงบทบาทในยุคปัจจุบันตามรัฐธรรมนูญปี 2560 แบ่งเป็น ยุคแรก วางรากฐาน “ศาลรัฐธรรมนูญ” ในช่วงทศวรรษแรกหลังการก่อตั้ง ศาลมีภารกิจหลักคือวางรากฐานทางกฎหมายรัฐธรรมนูญ และจำกัดขอบเขตอำนาจในการพิจารณาเฉพาะกรณีที่กฎหมายอาจขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เช่น คำวินิจฉัยที่ 21/2546 ที่ตีความให้ พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 มาตรา 12 ซึ่งกำหนดให้ภรรยาต้องใช้นามสกุลสามี ขัดต่อหลักความเสมอภาคระหว่างเพศ
ต่อมา ยุควิกฤตการเมือง ศาลในฐานะ “ผู้รักษาสมดุล” โดยระหว่างปี 2550-2557 ศาลต้องเผชิญกับปัญหาการเมืองเข้มข้น เช่น คำวินิจฉัยที่ 12-13/2551 ที่นำไปสู่การสิ้นสุดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช จากกรณีมีรายได้จากการจัดรายการโทรทัศน์ และคำวินิจฉัยที่ 9/2557 กรณีใช้อำนาจโยกย้ายข้าราชการเพื่อเอื้อญาติ
"ช่วงเวลานั้น ศาลต้องฟันฝ่าวิกฤต แม้กระทั่งเผชิญเหตุยิง M79 ใส่อาคารสำนักงาน แต่ก็ยังเดินหน้าทำหน้าที่เพื่อรักษาความเป็นธรรมและความมั่นคงทางรัฐธรรมนูญ" นายจิรนิติ กล่าว
ส่วนยุคปัจจุบัน เป็นการขยายบทบาท และการเผชิญโจทย์ใหม่ ภายใต้รัฐธรรมนูญปี 2560 บทบาทของศาลรัฐธรรมนูญถูกขยายให้ครอบคลุมมากกว่าการพิจารณากฎหมาย โดยสามารถวินิจฉัยการกระทำของหน่วยงานรัฐได้ด้วย ซึ่งนำไปสู่คำวินิจฉัยสำคัญหลายกรณี เช่น คำวินิจฉัยที่ 3/2562 ยุบพรรคจากกรณีเสนอชื่อบุคคลในราชวงศ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ คำวินิจฉัยที่ 4/2563 ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 301 เรื่องการทำแท้ง คำวินิจฉัยที่ 30/2563 วินิจฉัยว่าประกาศ คสช. ที่เรียกบุคคลรายงานตัวขัดรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 19/2564 การรณรงค์หาเสียงทางการเมืองที่อาจนำไปสู่การล้มล้างระบอบ
“หลังคำวินิจฉัย 19/2564 ผมขับรถผ่านสามเหลี่ยมดินแดงทีไรก็คิดว่าศาลตัดสินถูกแล้ว เพราะช่วงนั้นกลางคืนผ่านไม่ได้เลย มีม็อบ มีระเบิด ตอนนี้ก็สงบแล้ว” นายจิรนิติ กล่าว
สุดท้ายความท้าทายข้างหน้า ความเป็นกลาง ปัญญาประดิษฐ์ สิทธิประชาชน นายจิรนิติ กล่าวว่า สำหรับทศวรรษที่ 4 ของศาลรัฐธรรมนูญ นายจิรนิติชี้ว่าความท้าทายสำคัญคือ “ความเชื่อมั่น” จากประชาชน โดยเฉพาะการรักษาความเป็นกลางทางการเมือง ในขณะที่ฝ่ายการเมืองพยายามแทรกแซงการทำงานของศาล
อีกประเด็นสำคัญคือการรับมือกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) หาก AI เป็นของรัฐและละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยอ้างว่า “AI คิดเอง” จะตั้งหลักอย่างไร “ในต่างประเทศ ศาลตัดสินว่า AI ไม่มีลิขสิทธิ์เพราะไม่ใช่มนุษย์ นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ต้องถกต่อ”
นายจิรนิติ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า แม้รัฐธรรมนูญมาตรา 213 เปิดช่องให้ประชาชนยื่นคำร้องคุ้มครองสิทธิ แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น หากคดีอยู่ระหว่างพิจารณาศาลอื่น ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอำนาจเข้าไปแทรกแซง
“เราไม่ใช่ซุปเปอร์ศาล ไม่สามารถรีวิวคำพิพากษาศาลอื่นได้ ไม่อย่างนั้นจะมีคดีมหาศาลไหลเข้ามา” นายจิรนิติ กล่าว







