จับตา ก.ค.ศาล รธน.ถกวาระร้อน 'ร้องสอยนายกฯ อิ๊งค์ - คดีฮั้ว สว.'

จับตา ก.ค.ศาล รธน.ถกวาระร้อน 'ร้องสอยนายกฯ อิ๊งค์ - คดีฮั้ว สว.'

'ศาล รธน.' นัดประชุมตุลาการ 1 ก.ค.68 นี้ จับตาถกวาระร้อน ประธานวุฒิสภา ร้องสอย 'นายกฯ แพทองธาร' กรณีคลิปเสียง 'ฮุน เซน' ส่วน 8 ก.ค.68 ลุ้นอัปเดตคดี 'ฮั้ว สว.'

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2568 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ส่งเอกสารข่าวแจ้งว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นหนึ่งในเจ็ดประเทศผู้ก่อตั้งสมาคมศาลรัฐธรรมนูญ และสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (The Association of Asian Constitutional Courts and Equivalent Institutions : AACC) และปัจจุบันมีประเทศสมาชิกรวม 21 ประเทศ โดยศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้รับมอบหมายให้ดำรง ตำแหน่งประธานสมาคมศาลรัฐธรรมนูญ และสถาบันเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC) ในระหว่างปี พ.ศ.2566 ถึงปี พ.ศ.2568 นั้น สัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 23-26 มิ.ย.2568

ศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้สานต่อภารกิจการเป็นเจ้าภาพ ด้วยการจัดการประชุมคณะกรรมการสมาชิกสมาคม (Board of Members Meeting – BoMM) ตามข้อบังคับของสมาคมศาลรัฐธรรมนูญเทียบเท่าแห่งเอเชีย (AACC Statue) ข้อ 15 โดยจัดการประชุมในรูปแบบภายใน สถานที่ (On-site) ซึ่งมีประเทศ AACC ที่เข้าร่วม ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐทูร์เคีย สาธารณรัฐอุซเบกิสถาน และการประชุมรูปแบบออนไลน์ จากประเทศสมาชิก AACC อื่นๆ ณ โรงแรม สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร จึงงดการประชุมปรึกษาคดี จำนวน 1 สัปดาห์ โดยจะประชุมปรึกษาคดีในคราวต่อไป ณ วันอังคารที่ 1 ก.ค.2568

จับตา ก.ค.ศาล รธน.ถกวาระร้อน 'ร้องสอยนายกฯ อิ๊งค์ - คดีฮั้ว สว.'

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในเดือนก.ค.นี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้นัดประชุมในวันอังคาร โดยขยับจากเดิมที่นัดประชุมทุกวันพุธ และพฤหัสบดี ดังนั้นในการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 1 ก.ค.68 ที่จะถึงนี้ ให้รอดูว่ามีวาระการพิจารณา หรือมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด ในคำร้องของประธานวุฒิสภา ที่ยื่นคำร้องของให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนา กับสมเด็จฮุน เซน

และในคำร้องดังกล่าว ยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ 40 (8) โดยกรณีนี้สามารถออกได้ 3 ทางคือ

1.ศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่ได้นำเรื่องดังกล่าวหยิบยกมาพิจารณา เลื่อนการพิจารณาออกไปก่อน

2.ศาลรัฐธรรมนูญ หยิบยกมาพิจารณา และอาจมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น สั่งรับ หรือไม่รับคำร้อง หรือสั่งเรียกข้อมูลเพิ่มเติม

3.ศาลรัฐธรรมนูญ หยิบยกมาพิจารณา แล้วเห็นว่าคำร้องดังกล่าวไม่มีมูล ให้คำร้องตกไป เป็นต้น

 

 

 

อย่างไรก็ดีมีบางแหล่งอ้างว่า ในการประชุมวันอังคารที่ 8 ก.ค.68 นี้ มีวาระที่กำหนดไว้แล้วว่า จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เช่น การนัดลงมติวินิจฉัยในเรื่องข้อกฎหมายทั่วไป และประชุมในวาระอื่นๆ แล้ว

ยังมีวาระที่น่าสนใจคือ ถึงวาระรับทราบความคืบหน้า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญแจ้งไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อขอให้รายงานกรณี นายณัฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีล้มล้างการปกครอง เกี่ยวกับเรื่องกระบวนการเลือก สว.

ก่อนหน้านี้ นายณัฐพร เคยไปร้องต่อ อสส. เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2568 แต่ อสส.ไม่ดำเนินการ ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องทำให้ นายณัฐพร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้อง 12 ราย ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พรรคภูมิใจไทย กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และบุคคลภายนอก ร่วมกันกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ และกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขฯ กรณี การเลือก สว. โดยศาลรัฐธรรมนูญ มีการแจ้งเรื่องไปยัง อสส.เมื่อ 12 มิ.ย.68 และปัจจุบันครบกำหนดกรอบ 15 วันตามที่ได้แจ้งไปแล้ว ซึ่งสำนักงานเลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญจะแจ้งความคืบหน้าให้ที่ประชุมทราบ

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์