วิบากการเมือง 6 นายกฯ 'ชินวัตร' 'แพทองธาร' เสี่ยงซ้ำรอย ?

วิบากกรรมนายกรัฐมนตรี สาย "ชินวัตร" ล้วนประสบเคราะห์กรรม จบลงไม่สวย ทั้งถูกรัฐประหาร - ศาลรัฐธรรมนูญสอยพ้นจากตำแหน่ง ขณะที่ "แพทองธาร" ต้องเจอแรงเสียดทานอย่างหนัก
KEY
POINTS
- บรรดานายกฯ สายชินวัตร ผงาดขึ้นมาครองอำนาจประมุขฝ่ายบริหารตั้งแต่ปี 2544 ล้วนประสบเคราะห์กรรม ด้วยการจบลงที่ไม่สวย ทั้งการถูกยึดอำนาจ-ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้พ้นจากตำแหน่ง
- "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นนายกฯ ของตระกูลชินวัตร ที่ประสบความสำเร็จสร้างประวัติศาสตร์ในเทอมแรกอยู่ครบ 4 ปีเต็มภายใต้รัฐบาลผสมที่ "ไทยรักไทย" มีเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภาฯ
- "แพทองธาร ชินวัตร" คือนายกฯชินวัตรคนล่าสุด กำลังเผชิญชะตากรรมที่อาจเดินไปสู่วิบากกรรม เคราะห์กรรมซ้ำรอยพ่อและอา หากบริหารจังหวะก้าวย่างอำนาจทางการเมืองไม่ดี
- "แพทองธาร" กำลังเจอแรงเสียดทานทางการเมืองทั้งภายในและนอกสภาฯ เมื่อฝ่ายค้านเรียกร้องให้ลาออก-ยุบสภาฯ ขณะที่ม็อบนอกสภาฯ แสดงพลังชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่
ยุบสภาฯ-ลาออก-ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แนวทางทั้งหมดนี้ การ ปรับ ครม.คือวิธีการที่ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี จะเลือกใช้มากที่สุดในห้วงที่สถานการณ์การเมืองไม่ปกติ
เพราะนอกจากจะเจอทั้งศึกในประเทศแล้ว ยังเจอศึกนอกประเทศจากคลิปเสียงสนทนากับ ผู้นำกัมพูชา "ฮุน เซน" ได้ปล่อยออกมาจนทำให้เกิดความร้าวลึกระหว่างประเทศ
พรรคภูมิใจไทย ฉวยจังหวะถูก "พรรคเพื่อไทย" ยึดกระทรวงมหาดไทย ถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เดินหน้ายกระดับทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มขั้นด้วยการกดดันให้ "แพทองธาร" แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชนและกองทัพ
นับตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีสายชินวัตร ผงาดขึ้นมาครองอำนาจประมุขฝ่ายบริหารตั้งแต่ปี 2544 จะพบว่า นายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย ล้วนประสบเคราะห์กรรม ด้วยการลงที่ไม่สวย
มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สมัยเป็นนายกัฐมนตรีคนที่23 ครั้งแรกระหว่างปี 2544-2548 ที่เป็นรัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปีเต็ม เพราะได้เสียงอย่างท่วมท้นและประกอบกำลังด้วยรัฐบาลผสมที่แข็งแกร่ง ครั้งนั้น พรรคไทยรักไทยชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงกวาด สส.ทั่วประเทศ ถึง 248 ที่นั่ง จาก 500 ที่นั่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กระทั่งนำไปสู่การควบรวมกับพรรคความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคเสรีธรรม จนได้รัฐบาลผสมกว่า 300 เสียง
รัฐประหาร "ทักษิณ" ปิดฉาก ไทยรักไทย
เข้าสู่ยุครัฐบาลทักษิณ 2 ในปี 2548-2549 "ทักษิณ" เอาชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายได้คะแนนนิยมครองใจคนทั่วประเทศ 19 ล้านเสียง ได้ สส.แบบเสร็จเบ็ดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว 377 เสียง ทว่าการดำรงอยู่ในวาระนั้นกลับไม่สามารถอยู่จนถึงปลายทางได้
เพราะต้องถูกต่อต้านจากมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่หยิบยกปมขายหุ้น บริษัท ชินคอร์ปให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ โดยไม่เสียภาษี จนทำให้ลุกลามเกิดการจัดตั้งม็อบของสองฝ่าย ทำให้ผู้นำเหล่าทัพต้องออกมายึดอำนาจรัฐประหารเมื่อวันที่19 ก.ย. 2549 ระหว่างที่ "ทักษิณ" กำลังปฏิบัติหน้าที่รักษาการนายกฯ ในระหว่างร่วมประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
"สมัคร" ร่วงนายกฯ คดีชิมไปบ่นไป
ถัดจากนั้นมาปี 2550 ภายหลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบพรรค ได้เปลี่ยนถ่ายดีเอ็นเอไทยรักไทยมาสู่ "พรรคพลังประชาชน" ได้ "สมัคร สุนทรเวช" นำพรรค จนได้ สส.เสียงข้างมากได้ สส. 233 ที่นั่ง จัดตั้งรัฐบาลผสมประกอบด้วย พรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา
"สมัคร" เป็นนายกฯ คนที่ 25 อยู่ไม่ถึง 1 ปี ก็เจอวิบากกรรม ม็อบเสื้อเหลืองชุมนุมกดดันทั้งยึดทำเนียบรัฐบาลจนกระทั่งสถานการณ์บานปลาย ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเอกฉันท์เมื่อ 9 ก.ย. 2551 ให้พ้นคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี จากการเป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไปและรายการยกโขยง 6 โมงเช้า ปิดฉากนายกรัฐมนตรีเลือดสีน้ำเงินที่ "คนชินวัตร" ต้องการให้มาเป็นนายกฯเพื่อการันตีความจงรักภักดี
"สมชาย" นายกฯ นอกทำเนียบฯ
นายกรัฐมนตรีสายชินวัตร คนต่อมา สภาผู้แทนราษฎร มีมติเลือก "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" ในฐานะน้องเขยและรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 26 อยู่ได้เพียงระยะสั้น เป็นนายกฯ เพียงคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล ต้องใช้สนามบินดอนเมืองเป็นที่ประชุม ครม.
กระทั่งม็อบพันธมิตรฯ ยกระดับยึดทั้งทำเนียบฯ สนามบินดอนเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะรับไม่ได้กับนายกฯ สายชินวัตร จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติยุบพรรคพลังประชาชน พร้อมยุบพรรคชาติไทย พรรคมัชฌิมาธิปไตย
ปิดฉากนายกฯ สมชาย ที่บริหารราชการแผ่นดินได้เพียงไม่ถึง 3 เดือน ระหว่าง 18 ก.ย. 2551 – 2 ธ.ค. 2551 ซึ่งเขาถูกตัดสิทธิทางการเมืองร่วมกับกรรมการบริหารพรรค
ยึดอำนาจล้มนายกฯ ยิ่งลักษณ์
นายกฯสายชินวัตร และเป็นนายกฯ ตระกูลชินวัตร คนที่ 2 ต่อจาก "ทักษิณ" คือ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ครองอำนาจประมุขฝ่ายบริหารระหว่าง 5 ส.ค. 2554 – 7 พ.ค. 2557 หรือ 2 ปี 9 เดือน 2 วัน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ แม้จะนำพรรคเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งท่วมท้นกวาด สส.เสียงข้างมากในสภาฯได้ถึง 265 เสียงจัดตั้งรัฐบาลผสม แต่สุดท้ายต้องเจอชะตากรรมไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ
เพราะเดิมเกมในสภาฯ ผ่านการผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนนำไปสู่การประท้วงนอกสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ประกาศนำม็อบ กปปส.ชุมนุมกดดันนายกฯ จนนำไปสู่การยุบสภาฯ เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2556
การเลือกตั้งทั่วไป 2 ก.พ. 2557 ถูกตัดสินให้เป็นโมฆะ "ยิ่งลักษณ์" ยังต้องถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพความเป็นนายกฯ เพราะคดีโยกย้าย "ถวิล เปลี่ยนศรี" พ้นเลขาธิการ สมช. กระทั่งเหตุการณ์บานปลายนำไปสู่การชุมนุมม็อบทั้งกปปส. และ นปช.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ต้องผ่าทางตันทุบโต๊ะประกาศยึดอำนาจควบคุมอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 ปิดฉากนายกฯ สายตรงตระกูลชินวัตร และท้ายที่สุดต้องหลบหนีลี้ภัยคดีจำนำข้าวในที่สุด
นายกฯ เศรษฐา พ้นปมจริยธรรม
นายกฯ คนต่อมาถือเป็นคนที่5 ในสายของคนชินวัตร "เศรษฐา ทวีสิน" ซีอีโอด้านอสังหาริมทรัพย์ ถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เดินสายหาเสียงเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยช่วงโค้งสุดท้าย แต่ทว่ากับนำพรรคเพื่อไทย พ่ายแพ้ให้กับพรรคก้าวไกล หลังเลือกตั้งทั่วไป 14 พ.ค. 2566 ได้รับเลือกจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อ 22 ส.ค. 2566 ให้ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 30
"นายกฯ นิด" อยู่ในตำแหน่งไม่ถึง 1 ปี คือ 358 วัน แต่ถูกพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2567 ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ต่างจาก นายกฯ สมัคร นายกฯ สมชาย ด้วยข้อกล่าวหาไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ จากกรณีตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
"แพทองธาร" เผชิญกระแสขับไล่-ยุบสภาฯ
นายกฯ ตระกูลชินวัตรคนที่3 "แพทองธาร ชินวัตร" หรือ "อิ๊งค์" คือดีเอ็นเอแท้ของ "ทักษิณ" เพราะเป็นบุตรสาวคนสุดท้าย นายกฯ หญิงคนที่2 และนายกฯ คนที่31 ของประเทศไทย ขึ้นเป็นนายกฯ จากการลงมติเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรด้วยมติ 319 เสียง
"แพทองธาร" เริ่มดำรงตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่16 ส.ค. 2567 จนถึงปัจจุบัน แต่กลับมาเผชิญชะตากรรมที่อาจเดินไปสู่วิบากกรรม เคราะห์กรรมซ้ำรอยพ่อและอาของเธอได้
ล่าสุด "นายกฯ อิ๊งค์" ต้องเผชิญแรงเสียดทานทางการเมืองที่หนักหน่วงจากการกดดันของ "พรรคภูมิใจไทย" ที่ถูกยึดกระทรวงมหาดไทย อีกทั้งยังถูกพรรคฝ่ายค้านกดดันให้ยุบสภาฯ และแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
รวมทั้งยังต้องแก้ปัญหาจากปัจจัยแทรกซ้อนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นศึกนอกประเทศ อย่าง 2 ผู้นำกัมพูชากัมพูชา พ่อลูกตระกูลฮุน ได้จุดเชื้อไฟเอาไว้ผ่านการปล่อยคลิปเสียงเจรจาทางการทูต จนลุกลามเป็นความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศของไทย
ปมร้อนคลิปเสียงสนทนาความเมืองระหว่างประเทศ ทำให้องคาพยพขั้วตรงข้ามรัฐบาล อย่างมวลชนนอกสภาฯ ภายใต้ชื่อ "รวมพลังแผ่นดิน" ประกอบด้วยแกนนำที่คัดค้าน "รัฐบาลเพื่อไทย" ออกมาชุมนุมใหญ่ในวันที่ 28 มิ.ย. 2568
สว.ชง ป.ป.ช.- ศาล รธน.ชี้ปม "จริยธรรม"
ขณะที่ สว.สายสีน้ำเงิน ก็แสดงท่าทีกดดันผ่านการเดินเกมยื่นร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ไต่สวน "แพทองธาร" มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
รวมทั้ง สว.ชุดดังกล่าวยังยกปม "จริยธรรม" ด้วยการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ "แพทองธาร" สิ้นสุดองเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา170วรรคหนึ่ง (4)ประกอบมาตรา160 (4)และ (5) หรือไม่
ชะตากรรมของ "แพทองธาร" ก็อาจไม่ต้องจบลงซ้ำรอยแบบพ่อหรืออาแท้ๆ ของเธอได้ ส่วนอายุของนายกฯ ชินวัตรคนล่าสุดจะอยู่จนครบวาระหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องลุ้นสถานการณ์กันต่อไป







