'เพื่อไทย'ไปต่อ ผนึก 10 พรรค สกัดเกมจับขั้วใหม่ ทิ้ง'ภูมิใจไทย' ไว้ข้างหลัง

"แพทองธาร" ลุ้นทางรอด ยอมถอยครึ่งซอย เคลียร์กองทัพปมคลิป"ฮุน เซน" ลุยปรับครม.ผนึก 10 พรรค สกัดเกมเซ็ตซีโร่ ฟอร์มรัฐบาลใหม่ ทิ้ง"ภูมิใจไทย"ไว้ข้างหลัง
KEY
POINTS
- แกนนำหลายพรรค ได้ข้อมูลที่มั่นใจได้ว่า กองทัพไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง
- ฉากทัศน์ที่ฝ่ายการเมือง และฝ่ายความมั่นคง เห็นตรงกันเวลานี้ คือ การเมืองยังไม่ถึงทางตัน และรัฐบาลแพทองธาร ยังมีทางไปต่อได้
- "เพื่อไทย" ยอมถอยครึ่งซอย โดยพยายามแก้สถานการณ์ เพื่อยืนหยัดเป็นพรรคแกนนำต่อไป พร้อมกับสมานฉันท์กับกองทัพ เพื่อลดกระแส และผนึก 10 พรรคที่เหลือ ด้วยการเผื่อแผ่โควตารัฐมนตรี
ภัยพิบัติทางการเมือง ที่เกิดกับพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างเพื่อไทย กรณีนายกฯ แพทองธาร พลาดถูกปล่อยคลิปเสียง จากอังเคิลฮุนเซน ถูกกระแสสังคมถล่มหนัก
จนมีปรากฎการณ์ข้ามคืน เรียกร้องความรับผิดชอบจากนายกฯแพทองธาร ต้องลาออกจากตำแหน่ง เรียกร้องให้ยุบสภาฯ หรือแม้แต่เรียกร้องให้กองทัพออกมายึดอำนาจรัฐบาล
จากปัญหาขัดแย้ง แย่งชิงกระทรวงมหาดไทย ระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย ที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เมื่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเสียรังวัดในการบริหารจัดการปัญหาพิพาทระหว่างไทยกัมพูชา จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนทันที
จังหวะนี้ จึงเข้าทางฝ่ายค้านฝ่ายแค้น เดินหน้าสู่การล้มรัฐบาลแพทองธาร การโค่นตระกูลชินวัตร
ทว่า สถานการณ์อ่อนไหวที่สุด สำหรับนายกฯแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย คือท่าทีจากพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ที่รวมกัน 10 พรรคในเวลานี้
เมื่อภูมิใจไทย พรรคอันดับสอง 69 เสียงเป็นตัวตั้งตัวตี โดยหารือไม่เป็นทางการกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เพื่อกำหนดท่าทีกรณีคลิปเสียงนายกฯ อย่างพร้อมเพรียงกัน โดยภูมิใจไทยนำร่องในการถอนตัวออกไปก่อน
แม้บรรดาพรรคร่วมจะเห็นพ้อง ถึงพฤติกรรมที่ยากจะยอมรับได้ของผู้นำรัฐบาล แต่จำเป็นต้องนำเรื่องเข้าหารือภายในพรรค เพื่อประเมินสถานการณ์ร่วมกันก่อน โดยเฉพาะผลกระทบที่จะตามมา รวมถึงฉากทัศน์ทางการเมืองต่างๆ
ประเด็นสำคัญ คือการเช็คท่าทีของกองทัพ ว่าคิดเห็นอย่างไร จะเคลื่อนไหวอย่างไร โดยเฉพาะกระแสเรียกร้องรัฐประหาร หากการเมืองเข้าสู่สุญญากาศ โดยเฉพาะสถานการณ์ ที่กำลังเผชิญทั้งปัญหาทั้งภัยความมั่นคงระหว่างประเทศ ไทย-กัมพูชา และความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และในประเทศ
เวลานี้ แกนนำหลายพรรค ได้ข้อมูลที่มั่นใจได้ว่า กองทัพจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และคำยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่ใช้วิธีรัฐประหาร ที่ไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมของประเทศอย่างแน่นอน พร้อมทั้งวิเคราะห์สถานการณ์ว่า การเมืองยังไม่ถึงทางตัน ยังมีทางออกอื่นๆ ในการแก้ปัญหาของฝ่ายการเมืองที่จะเดินต่อไปได้
ดังนั้น ฉากทัศน์ที่ ฝ่ายการเมือง และฝ่ายความมั่นคง จึงเห็นตรงกัน คือ เพื่อไทยแก้สถานการณ์ได้ และนายกฯแพทองธารยังไปต่อได้
อีกฉากทัศน์ ก็มีความเป็นไปได้ คือการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี โดยพรรคการเมืองต่างๆ สามารถจับขั้ว ฟอร์มรัฐบาลใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสูตรเดิม พรรคร่วมรัฐบาลเดิม หรือสูตรผสม ข้ามขั้ว รัฐบาลใหม่ ซึ่งก็ยังมีตัวเลือก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน เสนอชื่อต่อรัฐสภา
ประกอบด้วย ชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จากพรรครวมไทยสร้างชาติ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ พรรคประชาธิปัตย์
หรือฉากทัศน์สุดท้าย คือ นายกฯ-เพื่อไทย ตัดสินใจใช้วิธียุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งแนวทางนี้ อาจมีความเป็นไปได้ หากเพื่อไทยทนแรงกดดันไม่ไหว หรือต้องการเอาคืนพรรคร่วมรัฐบาล
ทว่า ทางเลือกนี้ อาจไม่ส่งผลดีกับเพื่อไทย ในสถานการณ์ที่เผชิญภัยคุกคามจากกัมพูชา ที่พยายามสร้างความปั่นป่วนให้ไทย เพื่อหาข้อได้เปรียบในการเอาชนะคดี 4 พื้นที่ ที่ลากไปขึ้นศาลโลก หากในที่สุดไทยเสียเปรียบ แม้จะไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก กระแสความรับผิดชอบ ย่อมจะกลับมาถล่มซ้ำเพื่อไทยอีกระลอก
อย่างไรก็ตาม นาทีนี้ เพื่อไทยได้พยายามพลิกวิกฤติ แก้สถานการณ์ เพื่อยืนหยัดเป็นพรรคแกนนำต่อไป
แม้จะเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก และอาจไปต่อได้ไม่นาน เพราะนายกฯแพทองธาร ต้องเผชิญวิบากทางการเมือง โดยเฉพาะคดีที่กำลังถูกยื่นเอาผิด
โดยเฉพาะการยื่นถอดถอน จากกรณีคลิปฮุน เซน อีกทั้งเกมการเมืองในสภาฯ ที่ต้องถูกสกัดร่างกฎหมายต่างๆ ถูกตรวจสอบอย่างหนัก ทั้งจากฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น
แม้ทางเลือกเพื่อไทยเวลานี้ จะเหลือไม่มาก ก็ยังใช้โอกาสที่จะไปต่อทางการเมืองได้ คือ “ยอมถอยครึ่งซอย”
เวลานี้ จึงได้เห็นความพยายามจะกู้วิกฤติศรัทธา ด้วยการสมานฉันท์กองทัพ เพื่อลดกระแส และเดินหน้าไปต่อ ด้วยการปรับครม.ผนึก 10 พรรคที่เหลือให้เหนียวแน่น ด้วยการเผื่อแผ่โควตารัฐมนตรีเพิ่มเติม
โดยภารกิจปะฉะดะกับเพื่อนบ้าน เพื่อไทยไฟเขียวให้กองทัพขยับมาเป็นผู้นำ ผู้กำหนดเกมรุกรับเรื่องชายแดน พร้อมทั้งฟื้นปฏิบัติการด้านการต่างประเทศเชิงรุก หลังสะบั้นสัมพันธ์ ผู้นำตระกูลฮุน
เพื่อไทย รู้สถานการณ์ดีว่า ไม่ใช่พรรคที่กำหนดเกมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดอีกต่อไป แต่ทางเลือกทางรอดเพื่ออยู่ในอำนาจให้นานที่สุด คือประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้เสียหายน้อยที่สุด
โดย"ไม่ยอมถอยสุดซอย" ด้วยการทิ้งตำแหน่งนายกฯ เพื่อให้มีการเซ็ตซีโร่ฟอร์มรัฐบาลใหม่ ซึ่งเพื่อไทยอาจอยู่นอกสมการพรรคร่วม ตามเกมที่ภูมิใจไทยต้องการ
รัฐพันลึก อนุรักษนิยม ยังมีอำนาจในการกำหนดเกมใหม่ที่เพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ หากทานกระแสไม่อยู่ การเซ็ตซีโร่ เพื่อจับขั้วเปลี่ยนตัวนายกฯใหม่ อาจกลายเป็นทางออกที่ประคองความมั่นคงทางการเมืองไทยได้ดีที่สุดในเวลานี้ การเมืองไทยวันนี้ ต้องลุ้นชอตต่อชอต







