'ปิยบุตร' ชี้ยุบสภาไม่ใช่ทางตัน ถ้าไม่ทำ ระวังโดนนิติสงคราม

'ปิยบุตร' ชี้ยุบสภาไม่ใช่ทางตัน ถ้าไม่ทำ ระวังโดนนิติสงคราม

'ปิยบุตร' เขียนบทความ 2 ชิ้น ชี้การยุบสภา ไม่ใช่ทางตัน เหตุนายกฯไม่เหลือความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว เตือนถ้าไม่ทำให้จับตา 'สัญญาณ' โดนนิติสงคราม

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2568 นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เขียนบทความ 2 ชิ้น เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียุบสภา ระบุว่า การยุบสภาตอนนี้ ยังไม่เกิดสุญญากาศ เพราะ บริบทต่างกับ 48/49 และ 56/57 ที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามพรรคไทยรักไทย/พรรคพลังประชาชน พร้อมใจกันสร้างสุญญากาศผ่านการบอยคอตเลือกตั้ง

การยุบสภาตอนนี้ ยังไม่เกิดสุญญากาศ เพราะ อารมณ์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ ต่างก็ไม่ต้องการรัฐประหาร ไม่ต้องการนิติรัฐประหารไม่ต้องการให้ถึงทางตัน แต่ต้องการอำนาจคืนกลับมาเพื่อกำหนดรัฐบาลใหม่ ซึ่งต่างจากตอน 48/49 และ 56/57 อย่างมาก

นายปิยบุตร ระบุว่า แต่ถ้าไม่ยุบสภา เดินหน้าเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปภายใต้องค์ประกอบของรัฐบาลแบบนี้ จะทำให้สถานการณ์เดินไปสู่สุญญากาศ เช่น ขบวนการ “นักร้อง” จะเดินเครื่อง “นิติสงคราม” ให้ศาลและองค์กรอิสระจัดการให้นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง พร้อมกับ “คดีความ” ปักหลังจำนวนมาก ทำให้เราไม่เหลือ “นายกรัฐมนตรี” ที่มีอำนาจยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน และเมื่อนั้น ถ้ามีสัญญาณชัดเจน แต่ละพรรคก็จะกลับมารวมตัวประกอบสร้างกันเป็นรัฐบาลใหม่ คล้ายๆ “รัฐบาลแห่งชาติ” แล้วใครล่ะจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี?

"ต้องไม่ลืมว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นองคมนตรีแล้ว แต่ตำแหน่ง “แคนดิเดตนายก” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังติดตัวอยู่จนกว่าสภาหมดวาระ ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี  จะเกิดขึ้นได้ ณ เวลานี้ ต้องแสดงออกด้วยการรับผิดชอบ และคิดถึงสถานการณ์ของประเทศในอนาคต ด้วยการรักษาระบบ แก้ไขวิกฤตตามครรลองของระบบรัฐสภา มิใช่คิดถึงการรักษา" นายปิยบุตร ระบุ

ข้อมูลจาก: Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล

ก่อนหน้านี้ช่วงบ่าย วันเดียวกัน (19 มิ.ย.) นายปิยบุตร เขียนบทความหัวข้อ "การยุบสภา คือ ทางออก ไม่ใช่ทางตัน" ระบุว่า เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ได้ไปร่วมรายการทางช่อง Friends Talk ตามนัดหมายปกติทุกอาทิตย์ เป็นจังหวะพอดีกับที่มีสถานการณ์พิเศษเรื่องคลิปเสียงคุณแพทองธารกับฮุนเซนหลุดออกมา ในรายการเมื่อวานนี้ผมได้ย้ำอีกครั้งถึงข้อเสนอของตนที่เสนอให้คุณแพทองธารยุบสภา และวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และตอบข้อสงสัยที่หลายท่านตั้งขึ้นมา ขอใช้โอกาสนี้นำมาสรุปให้ทุกท่านได้พิจารณาอีกครั้ง

มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอเรื่องการยุบสภาของตน ด้วยหลายเหตุผลว่า ถ้ายุบสภาตอนนี้ รัฐบาลคุณแพทองธารจะกลายเป็นรัฐบาลรักษาการณ์ จะไม่มีใครที่มีอำนาจเต็มมาจัดการปัญหาชายแดนกับกัมพูชา ต้องอดทนประคับประคองกันไปก่อน แตขอถามกลับว่าต่อให้อดทนประคับประคอง แต่สถานะที่นายกรัฐมนตรีแพทองธารไม่เหลือความชอบธรรมทางการเมืองแล้ว จะไปทำงานเรื่องละเอียดอ่อนอย่างปัญหาชายแดนเพื่อนบ้านได้หรือ ทุกคนต้องเสียสละประคองนายกรัฐมนตรีคนนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพื่อแก้ปัญหา หรือประคองไปแล้วก็แก้ปัญหาไม่ได้อยู่ดีอย่างนั้นหรือ?

\'ปิยบุตร\' ชี้ยุบสภาไม่ใช่ทางตัน ถ้าไม่ทำ ระวังโดนนิติสงคราม

ถ้ารัฐบาลไปต่อไม่ได้ก็ควรต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหรือเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งตามระบบมีสองวิธี คือนายกรัฐมนตรีลาออก ครม. พ้นทั้งคณะ จับขั้วเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่ในสภา หรือการยุบสภาเลือกตั้งใหม่หมดภายใน 45-60 วัน

นอกจากนี้ยังมีผู้วิพากษ์วิจารณ์อีกว่าหากยุบสภาแล้วจะซ้ำรอยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 กลายเป็นรัฐบาลรักษาการณ์จนไม่มีอำนาจเต็มในการจัดการสถานการณ์เวลานั้น แน่นอนว่าสถานการณ์ในวันนี้แม้จะมีความคล้ายคลึงกับสถานการณ์ทั้งเมื่อปี 2548 ที่ความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลไทยรักไทยดิ่งลงจากกรณีขายหุ้นเทมาเส็ก กับเมื่อปี 2556 ที่ความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐบาลเพื่อไทยหมดไปจากกรณีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง แต่ก็มีความต่างตรงที่ประเทศไทยเพิ่งบอบช้ำจากการรัฐประหารมา จึงยังไม่เกิดกระแสเรียกร้องการรัฐประหารหนักเหมือนช่วงนั้น

อีกทั้งสถานการณ์ในวันนี้ไม่เหมือนปี 2556 เพราะในเวลานั้นพรรคฝ่ายค้านคือพรรคประชาธิปัตย์ ที่มี สส. กลุ่มหนึ่งตัดสินใจลาออก เพื่อเข้าร่วมการชุมนุม กปปส. ไม่ยอมให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใต้ข้ออ้าง “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” แต่สถานการณ์ในเวลานี้พรรคฝ่ายค้านวันนี้คือพรรคประชาชน ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์แบบในอดีต ซึ่งไม่เดินแบบพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปี 2556 ไม่ลาออกจาก สส. ไปปลุกการชุมนุม ให้เกิดสุญญากาศให้ทหารยึดอำนาจ ไม่หลอกล่อรัฐบาลจนพารัฐบาลไปสู่ทางตันแน่นอน

เมื่อครั้งปี 2556 เมื่อคุณยิ่งลักษณ์ตัดสินใจยุบสภา ในเวลานั้นผมเห็นต่างว่ารัฐบาลต้องอยู่ต่อเพื่อให้มีอำนาจเต็มในการจัดการสถานการณ์ ยุบสภาเมื่อไหร่เข้าทางนักสร้างสุญญากาศแน่ แต่รอบนี้บริบทคือฝ่ายค้านคือพรรคประชาชนที่อยากเลือกตั้ง และคนที่เชียร์ให้ไปสู่ทางตันการรัฐประหารน้อยกว่าเวลานั้นมาก

"ดังนั้นการยุบสภารอบนี้จะไม่พาไปสู่ทางตัน แต่ในทางตรงกันข้าม การยุบสภาคือทางออกในการคืนอำนาจให้กับประชาชน เมื่อประชาชนใช้อำนาจเลือกมาตอนปี 2566 แล้วถูกบิดผันจนทำให้องค์ประกอบของรัฐบาลไม่ตรงกับเจตจำนงในการเลือกของประชาชน ข้ามขั้วแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ไร้เสถียรภาพ เกิดปัญหาความเชื่อมั่นเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อผลเป็นแบบนี้ก็เอาอำนาจที่เอามาจากประชาชนคืนกลับไปให้ประชาชนตัดสินใจเลือกใหม่ เริ่มต้นใหม่กันตามระบบเสียดีกว่า" นายปิยบุตร ระบุ

นายปิยบุตร ระบุอีกว่า นอกจากนี้ยังมีคนบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสนอการยุบสภาว่าจะทำให้ “เข้าทางฮุนเซน” แตอยากชวนให้ทุกท่านคิดดีๆ ว่าการยุบสภาจะไปเข้าทางฮุนเซนได้อย่างไร? ฉากในหัวของคนไทยจำนวนมากวันนี้ถูกหลอมให้คิดถึงสถานการณ์ความขัดแย้งในเวลานี้ราวกับว่าเรากำลังจะเข้าสู่สภาวะสงครามกันแล้ว แต่ในความจริงแล้วไม่ถึงขนาดนั้น การเจรจาล่าสุดก็นำไปสู่ความคลี่คลายระดับหนึ่ง อีกทั้งหากพิจารณาให้ดีการยุบสภาจะเข้าทางได้อย่างไร ฮุนเซนอยากล้มรัฐบาลนี้หรือ หรือถ้าไม่มีรัฐบาลนี้แล้วฮุนเซนจะทำอะไรกับประเทศไทยได้อย่างนั้นหรือ?

แต่ถ้านายกรัฐมนตรีไม่เลือกยุบสภา ไปเลือกลาออกแทน สถานการณ์ก็มีแน้วโน้มจะแย่ลงกว่าเดิม เพราะต้องหานายกรัฐมนตรีใหม่ในสภา พรรคประชาชนก็ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว จับขั้วใหม่กันอย่างไรก็ได้กลุ่มเดิมและนำไปสู่ทางตันแบบเดิม ตราบที่ยังมีเพื่อไทยเป็นแกนอยู่ เพราะนั่นย่อมหมายความว่าคุณทักษิณก็ยังจะมีบทบาทอยู่ต่อไป กลุ่มอนุรักษ์นิยมก็จะยังคงไม่ไว้ใจรัฐบาลในเรื่องกัมพูชา พรรคภูมิใจไทยก็จะยังคงมีแต้มต่อ แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีก็เหลือน้อยลง มีแค่คุณอนุทิน คุณชัยเกษม คุณพีระพันธ์ุ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงสถานะเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีอยู่

ดังนั้น การลาออกของนายกรัฐมนตรีจึงไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะยังเป็นกระดานเดิม ตัวเลขเดิม แคนดิเดทนายกรัฐมนตรีเดิม ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนเกิดขึ้นแล้ว ทางแก้ปัญหาเดียวจึงอยู่ที่การกลับไปเลือกตั้งใหม่ทั้งหมด แล้วดูว่าฉันทามติของประชาชนกลับมาใหม่เป็นอย่างไร

หรือถ้าจะประคับประคองกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก วิกฤติที่รออยู่ข้างหน้าก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร่าง พ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กส์ ที่จ่อเป็นคิวแรกอยู่ในวาระทันทีที่มีการเปิดสมัยประชุมสภาในเดือนกรกฎาคม สถานะของร่างกฎหมายนี้คือเชื้อเพลิงในทางการเมือง ถ้ายังดันเข้าอีกสถานการณ์จะยิ่งไปไกล และเชื่อได้เลยว่าในเวลานี้ฝั่งอนุรักษ์นิยมวางแผนกันแล้วที่จะใช้นิติสงครามในเล่นงานพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจากกรณีนี้ ฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ชุมนุมอยู่ได้คลิปไปปลุกระดมคนได้เยอะขึ้น นักร้องได้เอากรณีนี้ไปร้อง ยังไม่รู้ว่า สว. จะไปร้องด้วยหรือไม่ในเมื่อพรรคภูมิใจไทยออกมาเป็นฝ่ายค้านแล้ว

"แม้ผมยืนยันว่าอารมณ์ของสังคมตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นปี 2548 หรือ 2556 แต่ถ้ารัฐบาลยังเดินต่อไปแบบนี้ ฉากต่อไปที่วาดภาพรอไว้ได้เลย คือวันหนึ่งจะมี “สัญญาณ” อะไรบางอย่างให้พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดทิ้งพรรคเพื่อไทย ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แล้วมีการใช้กระบวนการนิติสงครามเอาคุณแพทองธารออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี" นายปิยบุตร ระบุ

อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ระบุด้วยว่า ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็อาจจะมีการเปลี่ยนให้ภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีแทน แต่ถ้ายังมีเพื่อไทยเป็นองค์ประกอบอยู่สถานการณ์ก็จะยังคงเป็นทางตัน หรือถ้านายกรัฐมนตรีถูก “นิติสงคราม” เอาออกจากตำแหน่ง แล้วทุกพรรคไม่ยอมร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทย คราวนี้ แล้วมีรองนายกรัฐมนตรี มารักษาการแทน เดี๋ยวก็จะมีพวกมาตีความอีกว่า รักษาการนายกฯไม่มีอำนาจยุบสภา สถานการณ์ก็จะนำไปสู่ทางตัน นักสร้างสุญญากาศสามารถใช้โอกาสนี้ในการปูทางไปสู่การเรียกร้องให้เกิดการรัฐประหารได้

"เมื่อยิ่งเดินยิ่งนำไปสู่ทางตันรัฐบาลก็ควรถอนตัวออกมาก่อน เริ่มใหม่ผ่านการเลือกตั้ง ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ไม่เปิดโอกาสให้มีคนสร้างสุญญากาศเอาอำนาจไปให้ทหาร วันนี้นายกรัฐมนตรียังมีอำนาจก็ขอให้รีบตัดสินใจเสียเถอะครับ อำนาจของตนเองและพวกพ้อง การใส่เสื้อเหลืองและผ้าพันคอสีฟ้า เพียงเท่านี้ คงไม่เพียงพอต่อการแสดงภาวะผู้นำต่อสายตาประชาชน" นายปิยบุตร ระบุ

ข้อมูลจาก: Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล