ย้อนตำนาน ‘มันจบแล้วครับนาย’ จุดแตกหัก ‘แดง - น้ำเงิน’

ย้อนตำนาน ‘มันจบแล้วครับนาย’  จุดแตกหัก ‘แดง - น้ำเงิน’

ผ่านไป 17 ปี ถึงนาทีนี้ ท่ามกลางจังหวะการเมืองที่เปิดฉาก “เดินเกมเร็ว - เล่นเกมแรง” ตำนานจากวลี “มันจบแล้วครับนาย” ได้ถูกเปิดฉากภายใต้ตัวละครตัวเดิม!

KEY

POINTS

  • บริบทการเมือง “ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง”  ยึดมหาดไทย-โพยฮั้ว ปิดฉากแดง-น้ำเงิน 
  • ผ่านไป 17 ปีถึงนาทีนี้ ท่ามกลางจังหวะการเมืองที่เปิดฉาก “เดินเกมเร็ว-เล่นเกมแรง” ตำนาน “มันจบแล้วครับนาย” ได้ถูกเปิดฉากอีกครั้งภายใต้ตัวละครตัวเดิม!

การเมืองส่งสัญญาณแตกหัก หรือนี่! จะเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ วลี “มันจบแล้วครับนาย” จากปมร้าวรัฐบาลในอดีต ระหว่าง “พรรคพลังประชาชน” กับ“พรรคภูมิใจไทย” กำลังคัมแบ็ค ในเวอร์ชัน “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย”ภายใต้รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร 

อย่างที่รู้กัน การเมืองที่กำลัง “เดินเกมเร็ว-เล่นเกมแรง” ทั้งปฏิบัติการ “หักดิบ” ยึดคืนกระทรวงมหาดไทย จากพรรคสีน้ำเงินกลับไปอยู่ในการดูแลของพรรคเพื่อไทย ตามบัญชาของ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 

ไม่ต่างจากคดีโพยฮั้ว สว.ที่ดำเนินมาถึงการออกหมายเรียกล็อต 7 ไล่เช็กชื่อทั้ง 20 คนล้วนเป็น “ระดับคีย์แมน” และกรรมการบริหารพรรค สส.ที่อยู่ในระดับสั่งการแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน  อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค และเป็น “ลูกครูใหญ่” รวมถึง สส.และอดีต สส.กลุ่มบ้านใหญ่ 

เรื่องนี้ถูกปล่อยออกมาจังหวะเดียวกันกับที่ “นายกฯ แพทองธาร” นัดหมายคุยกับ “อนุทิน” ถึงปฏิบัติการยึดคืนกระทรวงมหาดไทย ตอกย้ำบริบทการเมืองที่ว่า “ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง”   

สัญญาณจาก “ฝั่งสีน้ำเงิน” โดยเฉพาะ “อนุทิน” ที่แสดงท่าทีขึงขัง “ถอยไม่ได้” หากไม่เป็นไปตามข้อตกลงก็ "ต่างคนต่างอยู่"

ฝั่ง “นายใหญ่”  เปิดเกม “แตกหัก” เขี่ยพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้เป็น “ภูมิใจขวาง” พรรคเพื่อไทยอีกต่อไป 

อย่างที่รู้กัน นับตั้งแต่การจัดตั้ง “รัฐบาลช็อกมินต์” ผสมข้ามขั้วเมื่อช่วงกลางปี 2566 นำมาสู่การจับมือกันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย” จนถึงเวลานี้ เวลาล่วงเลยมากว่า 2 ปี เปลี่ยนผ่านนายกรัฐมนตรี จาก “เศรษฐา ทวีสิน” มาสู่ “แพทองธาร”

ทุกย่างก้าวของ “2 ผู้มากบารมี” ทั้ง “ทักษิณ-เนวิน” ผู้นำหลังฉาก โดยมี “แพทองธาร-อนุทิน” เป็นผู้นำหน้าฉาก ถูกจับตามาโดยตลอด ว่าแผลลึกในใจจากวลี 17 ปี “มันจบแล้วครับนาย” จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นเกมการเมืองที่สมประโยชน์แบบ “วิน-วิน” ของทั้ง 2 ฝ่ายได้หรือไม่ อย่างไร

หรือแท้จริงแล้ว เป็นแค่การปิดฉากเรื่องเก่า เปิดฉาก “เกมอำนาจ” บทใหม่ ภายใต้ไพ่ต่อรองที่ต่างฝ่ายต่างถือในมือกันแน่?

ไม่ต่างจากมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงที่กุมฐานอำนาจสำคัญ พรรคเพื่อไทยกลับแหวกประเพณี ด้วยการปล่อยให้ตกไปอยู่ในการครอบครองของ “พรรคร่วมรัฐบาล” อย่างพรรคภูมิใจไทย อย่างยาวนานกว่า 2 ปี

หากลองย้อนสถิติในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะใน “รัฐบาลชินวัตร” ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทยในยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทุกยุคทุกสมัย กระทรวงมหาดไทย ล้วนอยู่ในอำนาจของพรรคแกนนำทั้งสิ้น

หรือแม้แต่ในยุคของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้การนำของพรรคพลังประชารัฐ โควตา รมว.มหาดไทย ก็ถูกยึดเบ็ดเสร็จไว้ที่ “ผู้นำ” โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น รมว.มหาดไทย ยาวนานจนครบเทอม

จะมีแค่ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเกิดจุดพลิกผันทางการเมือง หลัง “ภูมิใจไทย” เปิดตำนาน “มันจบแล้วครับนาย” แตกหักกับ “พลังประชาชน” หันไปร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์

ท่ามกลางเกมอำนาจภายใต้ดีลในเวลานั้น กระทรวงมหาดไทยจึงตกไปอยู่ในการครอบครองของพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีมหาดไทย ชื่อ “ชวรัตน์ ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเวลานั้น และเป็นบิดาของ “เสี่ยหนู” อนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในเวลานี้

ผ่านไป 17 ปีถึงนาทีนี้ ท่ามกลางจังหวะการเมืองที่เปิดฉาก “เดินเกมเร็ว-เล่นเกมแรง” ตำนาน “มันจบแล้วครับนาย” ได้ถูกเปิดฉากอีกครั้งภายใต้ตัวละครตัวเดิม!

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์