'ณัฐพงษ์' เย้ยนายกฯไร้อำนาจคุมพรรคร่วมฯ จี้รัฐบาลโฟกัส ปชช.

'ณัฐพงษ์' เย้ย 'นายกฯแพทองธาร' ไร้อำนาจคุม 'พรรคร่วมฯ' จี้รัฐบาลโฟกัสแก้ปัญหาประชาชน รับประเมินสถานการณ์ยาก ภท.พลิกขั้วมาฝ่ายค้าน
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ของรัฐบาล ท่ามกลางการแย่งชิงเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย ระหว่างพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ว่า เราอยากได้รัฐบาลที่โฟกัส แก้ไขปัญหาของประชาชน แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า หน้าข่าวมีแต่เรื่องของการต่อรองว่า ตกลงใครจะได้กระทรวงไหน ยังมีปัญหาอีกมากที่รอการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชายแดนไทย กัมพูชา สงครามอิสราเอล อิหร่าน ที่ส่งผลกระทบกับคนไทยที่อยู่ทำงานประเทศนั้น ๆ รวมถึงปัญหาสารพิษแม่น้ำกก และปัญหาอีกหลายเรื่องที่ต้องการรัฐบาลที่โฟกัสกับการแก้ไขปัญหาประเทศได้กลับกลายเป็นว่าติดปัญหาการเมืองภายใน
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.ม.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ "เอ็มเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" ซึ่งยังมีความเห็นที่แต่กต่างกันค่อนข้างสูงในพรรคร่วมรัฐบาล ว่า สุดท้ายพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยอมถอย และถอนร่างกฎหมายออก ไม่ทันสมัยการประชุมนี้ เหตุผลที่ยอมถอยนั้น เป็นสิ่งที่พวกเราเห็นด้วย และสื่อสารมาโดยตลอดว่า ไม่อยากให้ดำเนินการเร่งรีบมากจนเกินไป อย่างน้อยในช่วงปิดสมัยการประชุมสภา รัฐบาลยังมีเวลาในการดำเนินการหลายเรื่อง อย่างแรกที่สุดคือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนให้ครอบคลุมมากขึ้น ถัดมาคือหลักเกณฑ์การป้องกันการฟอกเงิน หรือ ธุรกรรมผิดกฎหมาย การทุจริตคอร์รัปชัน และสุดท้ายคือ การคัดเลือกเอกชนที่จะเข้ามาทำโครงการ โดยสิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ในช่วงที่ปิดสมัยการประชุม รัฐบาลก็ควรจะมีความชัดเจน รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการด้วย
เมื่อถามถึงท่าทีของ สส.พรรคภูมิใจไทย ที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย สุดท้ายหากต้องนำกฎหมายดังกล่าวมาพิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยอีก จะสะท้อนให้เห็นภาพพรรคร่วมแตกกันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องไปคุยกันให้ตกผลึก โดยเฉพาะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะต้องแสดงให้เห็นว่า สามารถควบคุมเสียงภายในพรรคร่วมรัฐบาลได้ ไม่ใช่อยู่ดี ๆ อยากจะเสนอร่างกฎหมายใดเข้ามาในสภาฯ ก็ได้ หรือเสนอเข้ามาโดยที่ภายในพรรคร่วมเองยังไม่ตกผลึก หากมีการด่าเนินการแบบนี้ เชื่อว่าก็จะมีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
เมื่อถามถึงประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลอย่างไร หากพรรคภูมิใจไทยถอนตัวมาเป็นฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังประเมินยาก แต่ในเชิงคณิตศาสตร์ก็มีความเป็นไปได้แต่ในทางปฏิบัติยาก
เมื่อถามว่าเป็นช่วงเวลาที่สมควรยุบสภาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรีและการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯอยู่แล้ว จะยุบไม่ยุบจะปรับไม่ปรับยังไงก็อยู่ที่ตัวนายกฯ ทั้งหมด แต่ประเด็นสำคัญในตอนนี้ คือ นายกฯ มีอำนาจในการควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลจริงหรือไม่ เป็นนายกฯตัวจริงหรือเปล่า เราตั้งคำถามนี้มาตั้งแต่แรกเริ่ม ถ้านายกฯมีอำนาจในการควบคุมพรรคร่วมรัฐบาลจริงก็คงไม่มีปัญหาจนมาถึงวันนี้
"ตอนนี้ยัง มานั่งถามกันอยู่เลยว่าภูมิใจไทยจะมาไม่มา นายกจะยุบไม่ยุบ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายกฯไม่มีสภาพในการควบคุมพรรคร่วมได้ขนาดนั้น" นายณัฐพงษ์ กล่าว







