‘แพทองธาร’ สั่ง ปรับโครงสร้างราคา ‘พลังงาน’ ให้เป็นธรรม ช่วย ปชช.

“แพทองธาร” ถก หัวหน้าส่วนราชการ มอบนโยบายปราบเฟคนิวส์ เร่งเบิกจ่ายงบปี 68 สั่ง ก.พลังงาน ปรับโครงสร้างราคาให้สมดุล เป็นธรรม เผย เร่งแก้ปัญหาชายแดนกัมพูชาให้ปกติเร็วที่สุด ระบุ คนไทยในอิสราเอล - อิหร่าน ปลอดภัย พร้อมอพยพ
ที่ห้องประชุม The Synergy Hall ชั้น 6 อาคาร C Energy Complex (EnCo) กระทรวงพลังงาน ถนนวิภาวดีรังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 5/2568 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า จำนวน 42 คน เข้าร่วมประชุม
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่าว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีความเคลื่อนไหว และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเรื่องข้อมูลข่าวสาร ซึ่งประชาชนได้รับข้อมูลมากมาย ที่ไม่มีที่มาทั้งบางเรื่องมาจาก การสร้างขึ้นของ AI หรือ จากไม่มีแหล่งที่มา บางครั้งอาจทำให้เกิดความสับสน ขอสั่งการให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ติดตามและดำเนินการจัดการข่าวปลอม (เฟคนิวส์) อย่างจริงจัง และเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการผลักดันการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่ง ณ วันนี้ เหลือเวลาอีกประมาณ 4 เดือน จะสิ้นสุดปีงบประมาณ 2568 ขอความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณที่ค้างอยู่ตั้งแต่ปี 2567 ให้แล้วเสร็จ เพราะหากเบิกจ่ายไม่ทัน อาจจะทำให้สูญเสียโอกาสสำคัญในการนำงบประมาณไปพัฒนาประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการประชุมหัวหน้าส่วนราชการในวันนี้ กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม รัฐบาลมีมาตรการเร่งด่วนในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะการลดค่าไฟฟ้าชั่วคราวในช่วงเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2568 ให้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย
ทั้งนี้ ในระยะยาว ขอมอบหมายให้ กระทรวงพลังงาน ดำเนินการปรับโครงสร้างราคาพลังงานไฟฟ้าให้มีความสมดุล ครอบคลุม 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.ประชาชนต้องเข้าถึงไฟฟ้าที่มั่นคง มีการผลิตที่เพียงพอ 2.ราคาต้องเป็นธรรม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และ 3.ต้องมุ่งสู่การผลิตไฟฟ้าอย่างยั่งยืน โดยใช้พลังงานสะอาด พร้อมทั้งมีระบบซัพพลายไฟฟ้าที่ไม่สร้างภาระเกินควรแก่ประชาชน
“สถานการณ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา รัฐบาลดำเนินการด้วยแนวทางสันติวิธีมาโดยตลอด และจะพยายามทำให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติให้เร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปทำมาหากิน ประกอบอาชีพ และเลี้ยงดูครอบครัวได้อย่างมั่นคง โดยขอให้ทุกกระทรวง และผู้บริหารระดับสูงของทุกหน่วยงาน เร่งดูแลพี่น้องประชาชนในความรับผิดชอบของตนเอง ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ และมีความปลอดภัยในการดำรงชีวิต ทุกหน่วยงานต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงจะทำให้เรามีฐานข้อมูลที่ครอบคลุม ซึ่งการรวมข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้วิเคราะห์ และวางนโยบายได้ตรงจุดมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น ChatGPT ที่มีความสามารถจากการรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลไว้ในระบบ หากภาครัฐสามารถมีระบบฐานข้อมูลร่วมกันในลักษณะนี้ ก็จะช่วยให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนได้อย่างตรงจุด คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป และเป็นประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้รับรายงานจากปลัดกระทรวงแรงงาน และปลัดกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถึงสถานการณ์ประเทศอิสราเอล และอิหร่านว่า ที่อิสราเอลมีคนงานอยู่ประมาณ 40,000 ราย และที่อิหร่านมีอยู่ประมาณ 300 กว่ารายได้ประสานงานกันเป็นที่เรียบร้อยซึ่งทั้งหมดปลอดภัย และพร้อมนำแรงงานกลับหากมีสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจให้อพยพ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อยู่ในขณะนี้ ส่วนสถานการณ์แรงงานกัมพูชาในประเทศไทยยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการขอกลับประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด ซึ่งที่ปรากฏเป็นภาพข่าวส่วนใหญ่เป็นแรงงานกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในแนวชายแดนซึ่งเดินทางไป-กลับอยู่เป็นประจำ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







