‘ศบ.ทก.’ตลบหลัง ‘กัมพูชา’ เป้า 1 เดือน ปิดเกมชายแดน

ภายหลังออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ของ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แต่งตั้ง “บิ๊กเล็ก” พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เป็น ผอ.ศูนย์

 พลเอก ณัฐพล เรียกประชุม ศบ.ทก.นัดแรก วางกรอบ แนวทางการทำงาน ยึดรูปแบบเทียบเคียงกับ ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ยุค พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดยตั้งโฆษกประจำศูนย์ชี้แจงตอบโต้สถานการณ์รายวัน เริ่มออกสตาร์ต 18 มิ.ย.68 นี้ 2 คนคือ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย รับผิดเรื่องต่างประเทศ และพลเรือตรี สุรสันต์ คงศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพไทย และรองโฆษกกองทัพไทย รับผิดชอบเรื่องความมั่นคง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

“ศบ.ทก.ตั้งขึ้นมาขับเคลื่อน และบูรณาการงานที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า พร้อมรับทราบ และติดตามงานที่จะต้องใช้ระยะเวลา เช่น การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC​ และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ​ หรือ ICJ ยืนยันว่า ศบ.ทก.ไม่ควรอยู่นานไม่ควรเกิน 1 เดือนด้วยซ้ำ จะพยายามทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว” 

“ส่วน โฆษก ศบ.ทก. ชี้แจงข่าวสารเชิงรุกทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นในโซเชียล หรือการโพสต์รายวันของสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา เพื่อชี้แจงประชาชนให้เข้าใจป้องกันความสับสน” บิ๊กเล็ก กล่าว

ศบ.ทก. ประชุมทุกวันเพื่อติดตามสถานการณ์ ในเวลา 09.30 พร้อมแถลงข่าวเวลา 12.00 น.ที่ตึกนารีสโมสร พร้อมถ่ายทอดสดทาง NBT ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ ให้สแตนด์บาย หากมีประเด็นร้อน จะเรียกประชุมผ่านระบบออนไลน์

ภายใต้กรอบการทำงาน “บูรณาการ และขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนระยะยาว”

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ฝ่ายไทยเดินเกมตามหลังฝ่ายกัมพูชาอยู่เสมอ นับตั้งแต่ พ่อ-ลูก “ฮุน เซน - ฮุน มาเนต”ออกมาตีปี๊บภารกิจกู้อธิปไตยของชาติ และการยื่นเรื่องให้ศาลโลกชี้ขาดพื้นที่ช่องบก ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ปราสาทตาเมือนโต๊ด

 

 

 

หรือแม้กระทั่งก่อนเข้าสู่การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC ที่พนมเปญ ประกาศชิงตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ตจากไทยก่อน เพื่อไม่ให้ไทยใช้เป็นเงื่อนไขต่อรอง

แม้แต่การเปิดเกมชิงจังหวะของฝ่ายกัมพูชา เปิดข้อตกลงของ JBC 4 ข้อ หลังการประชุมทันที ภาพรวมคือ การเดินหน้าในการสำรวจ และการจัดแผนที่ ที่เห็นตรงกัน ของคณะอนุกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Technical Sub-Committee (JTSC)

แต่ก็พ่วงด้วยการถกเถียงระหว่าง 2 ฝ่ายในการประชุมวงเล็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่กัมพูชายืนยันฝ่ายเดียว แต่กลับนำมาแปะในข้อตกลงร่วม กระพือข่าวเรื่อง ไทยยอมรับแผนที่ 1 : 200,000

ขณะที่ฝ่ายไทยต้องแก้เกมด้วยโพสต์ผ่านเพจกระทรวงการต่างประเทศในช่วงกลางดึก แสดงความผิดหวังที่กัมพูชาไม่ยอมร่วมมือกับไทยในการแก้ไขปัญหาเฉพาะ และลดความตึงเครียดร่วมกัน แต่นำประเด็น 4 พื้นที่ขึ้นสู่ศาลโลก และไม่ได้ยอมรับแผนที่ดังกล่าว

ทว่า รอบนี้ "ฮุน เซน" อ่านเกมผิด เพราะเชื่อว่า ไทยจะประกาศมาตรการปิดด่านตลอดแนวเพื่อตอบโต้ หลังจาก"นายกฯแพทองธาร” เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเป็นการเฉพาะ ที่บ้านพิษณุโลก 16 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา ด้วยการประกาศขีดเส้นตาย หากไทยไม่หยุดใช้มาตรการเปิดด่านจำกัดเวลา ภายใน 24 ชั่วโมง กัมพูชาจะปิดด่านตลอดแนวชายแดนเสียเอง

แต่สถานการณ์กลับตาลปัตร นอกจากไทยจะไม่ประกาศปิดด่านแล้ว นายกฯแพทองธารยังมีท่าทีแข็งกร้าว โดยมี “ผบ.เหล่าทัพ” ยืนเป็นแบ็กกราวนด์ด้านหลัง ยืนยันถึงความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหาชายแดน พร้อมตั้ง พลเอกณัฐพล เป็น หัวหน้าคณะกรรมการเฉพาะกิจคลี่คลายปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

“ฮุน เซน” รีบกลับลำทันควัน โบ้ยสื่อภายในประเทศนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ยืนยันว่า กัมพูชาไม่ได้ปิดด่านตลอดแนว แต่จะปิดเฉพาะด่านติดกับ จ.จันทบุรี เพื่อสกัดรถบรรทุกผัก-ผลไม้ไทยเข้าประเทศเท่านั้น

ขณะที่ฝ่ายไทย ยังคงมาตรการเปิดด่านแบบจำกัดต่อเนื่อง เป้าหมายกดดันให้ฝ่ายกัมพูชาถอนกำลังทหารที่เติมเข้ามานับแสนนายพร้อมอาวุธหนักกลับออกจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว

และทันทีกัมพูชา ปิดด่านไม่อนุญาตให้รถบรรทุกขนส่งผัก-ผลไม้ ผ่านด่านบ้านแหลม-ด่านผักกาด จ.จันทบุรี เข้าไปในกัมพูชา

ฝ่ายไทย ตอบโต้ทันควัน แตะเข้าที่กล่องดวงใจ “ฮุน เซน” โดยซีลด่านชายแดนทั้งช่องทางปกติ และช่องทางธรรมชาติ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขั้นสูงสุด ห้ามคนไทย เข้าไปทำงานในบ่อน กาสิโน หรือสถานบันเทิง ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา

ส่งผลให้จำนวนคนไทยข้ามไปฝั่งกัมพูชา ลดลงจากเดิมที่เฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน โดยวันแรก 17 มิ.ย.68 เหลือไม่ถึง 200 คน ดังนี้

คนไทย ใช้ Borderpass ขาเข้าไปกัมพูชา 121 คน ขาออก 196 คน Passport ขาเข้า 2,709 คน ขาออก 196 คน

คนกัมพูชา ใช้ Border pass ขาเข้าไทย 6,991 คน ขาออกไทย 6,248 คน และ ใช้ Passport ขาเข้า 365 คน ขาออก 625 คน

เป็นที่มา ฝ่ายกัมพูชาแจ้งขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ออกไปก่อน จากเดิมที่กำหนดไว้ 27-28 มิ.ย.68 นี้ เพื่อหารือเรื่องการปรับลดกำลัง โดยไม่แจ้งเหตุผล

สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา กำลังเข้าสู่ช่วงชิงไหวชิงพริบ ว่าใครจะ “อึด ถึก ทน ”กว่ากัน กับมาตรการพุ่งเป้าโจมตีเศรษฐกิจ นับจากนี้จะถูกยกระดับขึ้นเรื่อยๆ

ให้จับตา “พลเอกณัฐพล” หลังจากขีดเส้น ศบ.ทก. ไม่ควรอยู่ยาวเกิน 1 เดือน จะใช้กลยุทธ์อะไร พลิกเกมกดดันกัมพูชา ยอมใช้กลไกทวิภาคี ปรับลดกำลัง ขนอาวุธหนักกลับเข้ากรมกอง 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์