พท.ปรับสูตร ‘รัฐบาล 270’ สมการแตกหัก 'ภท.' เป็นฝ่ายค้าน

พท.ปรับสูตร ‘รัฐบาล 270’ สมการแตกหัก 'ภท.' เป็นฝ่ายค้าน

เพื่อไทยปรับสูตร ‘รัฐบาล 270’ เปิดสมการรัฐบาลแพทองธาร แตกหักผลัก ภท. ‘เป็นฝ่ายค้าน’ ‘สีน้ำเงิน’ โชว์พาว ผนึก ‘สันติ-สุเทพ’ งัดเกมสภาฯ

KEY

POINTS

  • การประกาศ “ถอนตัวร่วมรัฐบาล” หากถูกยึดคืนกระทรวงมหาดไทย  “เกมภูมิใจไทย” เห็นชัดถึงการวางเกม “4 ระดับ
  • ยุทธศาสตร์ของ “นายใหญ่” จึงวางเกมในฉากทัศน์ต่อไป คือ การ “ดึงเสียง” ฝ่ายค้านเข้ามาเติมจำนวนรัฐบาล โดยมีเป้าหมาย “รัฐบาล 270 เสียง” เพื่อเพลย์เซฟที่สุด
  • สมการนี้ ยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องมัด “36 เสียง” รวมไทยสร้างชาติ ที่เวลานี้แตกเป็น 2 ขั้ว ไว้ให้แน่น
  • “นายใหญ่” ปิดดีล รทสช.จบ ตรงที่ไม่แตะ “2 โควตา” รัฐมนตรีในส่วนของ “หัวหน้าพี” และ “เลขาฯขิง” เพื่อลดแรงเสียดทานในขั้วรัฐบาล

ศึก “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ส่งสัญญาณแตกหัก ปฏิบัติการยึดคืนกระทรวงมหาดไทย ถูกโยนโจทย์วัดใจกลับไปที่ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกมแตกหัก “สีน้ำเงิน” อาจได้เห็นฉากทัศน์ในเร็ววัน 

บทสนทนาระหว่าง “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเย็นวันที่ 16 มิ.ย.68 ว่ากันว่า เป็นเพียงการ “แจ้งเพื่อทราบ” ไม่ใช่การ “เจรจาต่อรอง” โดยมี “บทสรุป” ที่ไม่สรุป ตรงที่ ฝั่ง “อนุทิน” ยืนยันตามเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ให้กระทรวงมหาดไทยอยู่ในอำนาจพรรคภูมิใจไทย 

จึงได้เห็นการออกแอกชันของ “อนุทิน” ในวันถัดมา ประกาศ “ถอนตัวร่วมรัฐบาล” หากถูกยึดคืนกระทรวงมหาดไทย

พท.ปรับสูตร ‘รัฐบาล 270’ สมการแตกหัก \'ภท.\' เป็นฝ่ายค้าน

ถอดรหัส “เกมภูมิใจไทย” เห็นชัดถึงการวางเกม “4 ระดับ”  1.โยนอำนาจไปที่ “เนวิน ชิดชอบ” ครูใหญ่สีน้ำเงิน ส่งบทต่อไปที่ “อนุทิน” โชว์พลังความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพรรคสีน้ำเงิน ประกาศท่าทีหัวหน้าพรรค ที่ได้รับฉันทามติจาก สส. จากเดิมที่จะใช้วิธีการขอ “มติพรรค”

2.ขู่ถอนตัวร่วมรัฐบาล โชว์ตัวเลข สส.ในมือ ดังที่ทำอยู่ในเวลานี้ เพื่อวัดใจ “นายใหญ่” เพื่อไทย ว่าจะกล้าขับภูมิใจไทยออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ 

3. เล่นบทเป็นฝ่าย “ถูกกระทำ” เช็กกระแส เปิดประเด็นสาธารณะเพื่อถกเถียง กดดันไปยังรัฐบาล และ 4.รอคำตอบจาก “นายใหญ่” หากบทสรุป เพื่อไทยส่งสัญญาณยึดมหาดไทยจริง ก็จะใช้มติพรรคประกาศ “ถอนตัว” อยู่ฝ่ายตรงข้ามอย่างชัดเจน

ต้องจับตาหลัง "นายกฯ อิ๊งค์" ส่งสัญญาณตัดสินใจปรับ ครม. โดยขอกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย โดยสับเปลี่ยนให้พรรคภูมิใจไทย ไปบริหารกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ อีกตำแหน่ง โดยขอคำตอบภายใน 48 ชั่วโมง หรือถึงเวลา 15.00 น. ของวันที่ 19 มิ.ย.นี้

คล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง มีสัญญาณมาจากฝั่งภูมิใจไทย "ไม่รับเงื่อนไข" และยืนกรานไม่คืนโควตากระทรวงมหาดไทย 

ไม่ต่างจากสัญญาณฝั่ง “นายใหญ่”  ส่งสัญญาณชัดเจนพร้อม“แตกหัก” เขี่ยพรรคภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามกวนใจพรรคเพื่อไทยอีกต่อไป  เนื่องจากบวก ลบ คูณ หาร ดูแล้วว่า ต่อให้ตัด 69 เสียงภูมิใจไทยออกจากสมการขั้วรัฐบาล ก็ยังมีเสียงมากพอที่จะประคับประคองรัฐบาลเพื่อผลักดันวาระสำคัญต่อไปได้

เหนือไปกว่านั้นต้องจับตา หาก " 8 ที่นั่ง" รัฐมนตรีของพรรคภูมิไทยวางลง ฉากต่อไปคือ การ "เขย่าใหญ่" ในซีกรัฐบาล เพื่อเกลี่ยโควตาตามสูตรใหม่ ถึงเวลานั้นก็จะเป็นโอกาสให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาล เปิดเกมต่อรองขอโควตากันอีกรอบ 

พท.ปรับสูตร ‘รัฐบาล 270’ สมการแตกหัก \'ภท.\' เป็นฝ่ายค้าน

เกม “นายใหญ่” เป้าหมาย “รัฐบาล 270” 

ตามยุทธศาสตร์ของ “นายใหญ่” จึงวางเกมในฉากทัศน์ต่อไป คือการ “ดึงเสียง” ฝ่ายค้านเข้ามาเติมจำนวนรัฐบาล โดยมีเป้าหมาย “รัฐบาล 270 เสียง” เพื่อเพลย์เซฟที่สุด

หากเช็กเสียง “2 ขั้ว” ในเวลานี้ สภาฯ มี สส.495 คน หากต้องใช้เสียงกึ่งหนึ่งของสภาฯ เพื่อโหวตวาระต่างๆ ต้องมีอย่างน้อย 248 เสียง

จากเดิม “ขั้วรัฐบาล” 11 พรรค มี สส.ในมือ 324 เสียง หากตัดภูมิใจไทยออก 69 เสียง เหลือ 10 พรรค โดยรัฐบาลจะเหลือเสียงในมือ 255 เสียง

แบ่งเป็น เพื่อไทย 142 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง กล้าธรรม 26 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 10 เสียง ชาติพัฒนา 3 เสียง ไทยรวมพลัง 2 เสียง เสรีรวมไทย และประชาธิปไตยใหม่ พรรคละ 1 เสียง 

ฉะนั้น ด้วยสภาวะเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 7 เสียง  ต้องโฟกัสไปที่เสียงที่รัฐบาลต้องการนำเข้ามาเติม เป้าหมาย “รัฐบาล 270 เสียง” จะมีทั้งในส่วนของ สส.ที่ประกาศตัวข้ามขั้วมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ ไทยสร้างไทย3เสียง คือ สุภาพร สลับศรี สส.ยโสธรที่เคยไปปรากฎตัว ที่พรรคเพื่อไทย  รำพูล ตันติวณิชชานนท์ สส.อุบลราชธานี  ฐากร ตัณฑสิทธิ์  สส.บัญชีรายชื่อ 

พรรคไทยก้าวหน้า 1 เสียง คือ “ปูอัด” ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. และพรรคประชาชน 1 เสียง คือ  กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ 1 เสียง คือ กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศย้ายไปพรรคกล้าธรรม 

บวกกับในส่วนที่จะดูดเข้ามาเติม ด้วยการเปิดดีล “ดูดเพิ่ม” ทั้งพลังประชารัฐ 9 เสียง แบ่งเป็น กลุ่มสันติ พร้อมพัฒน์ 6 เสียง และถึงแม้สันติ และพวกจะปรากฏซีนร่วมวงรับประทานอาหารกับ “บิ๊กเนมภูมิใจไทย” แต่วางใจไม่ได้ เพราะ“สันติสไตล์” พลิกได้เสมอ ส่วนอีก 3 เสียงยังไม่เปิดตัว 

โดยสมการนี้ ยังมีอีกหนึ่งเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องมัด “36 เสียง” รวมไทยสร้างชาติ ที่เวลานี้แตกเป็น 2 ขั้ว ไว้ให้แน่น โดยเฉพาะ 18 เสียงในขั้ว "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" รองนายกฯ และรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค และ "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรค 

จึงมีสัญญาณล่าสุดจาก “นายใหญ่” ปิดดีล รทสช.จบ ตรงที่ไม่แตะ “2 โควตา” รัฐมนตรีในส่วนของ “หัวหน้าพี” และ “เลขาฯขิง” เพื่อลดแรงเสียดทานในขั้วรัฐบาล

พท.ปรับสูตร ‘รัฐบาล 270’ สมการแตกหัก \'ภท.\' เป็นฝ่ายค้าน

เกมสู้กลับ ภท.ผนึก“มะขามหวาน-สุเทพ”

ขณะที่ “ขั้วฝ่ายค้าน” ซึ่งแต่เดิม มีอยู่ 171 เสียง แบ่งเป็น  พรรคประชาชน 142 เสียง พรรคพลังประชารัฐ 20 เสียง และเป็นธรรม 1 เสียง หากตัด 3 เสียงทั้งในส่วนของพรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยก้าวหน้า พรรคละ 1 เสียง ที่ประกาศย้ายขั้วไปพรรคกล้าธรรมก่อนหน้านี้ 

หากสมการพรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยน ฝ่ายค้านจะเพิ่มตัวเลขจากภูมิใจไทยเข้ามา 69 เสียง ฝ่ายค้านจะขยับขึ้น เป็น 237 เสียง 

อย่างไรก็ตาม “6 เสียง” ฝ่ายค้าน ในกลุ่มซุ้มมะขามหวานของ สันติ พร้อมพัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังมีความไม่แน่นอน แม้จะมีการโชว์ภาพร่วมวงอาหารระหว่าง “บิ๊กเนมภูมิใจไทย” และ “แกนนำซุ้มมะขามหวาน” โดยครูใหญ่เนวิน หวังให้เห็นเป็นหลักฐานไม่ให้บิดพลิ้วหลังจากนี้  

อีกส่วนที่ไม่อาจมองข้าม คือ เกมผนึก “สุเทพ เทือกสุบรรณ” อดีตแกนนำ กปปส.โดยใช้สายสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อดึง 18 เสียงรวมไทยสร้างชาติ สาย “หัวหน้าพี” และ “เลขาฯขิง” มาอยู่ในซีกฝ่ายค้าน รวมกับ 2 เสียงพรรคไทยสร้างไทยคือ หรั่ง ธุระพล และอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี ที่เปิดตัวเตรียมซบภูมิใจไทย เพื่อเสริมแกร่ง สร้างแรงต่อรอง

เหนือไปกว่านั้น ยังต้องจับตาหลังเปิดสภาฯ วันที่ 3 ก.ค.นี้ หากถึงเวลานั้นการเมืองดำเนินไปสู่จุดแตกหัก ระหว่าง “เพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย” อาจได้เห็นสัญญาณจากฝ่ายสีน้ำเงินเปิดเกมรบในฐานะฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีโจทย์หลายวาระร้อน อาทิ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2569 ที่จะเข้าสภาวาระ 2 และ 3 หรือกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่พ่วง “กาสิโน”

หรือแม้แต่สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยังยืดเยื้อ ล่าสุดเห็นสัญญาณ “สว.สีน้ำเงิน” เตรียมเอาคืน “คดีโพยฮั้ว” ด้วยการขอเปิดอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 เป็นต้น 

ปมร้อน-เกมร้าว ที่กำลังใกล้ถึงขีดสุด อีกไม่นานอาจจะได้เห็นฉาก “แตกหัก” ในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างถือ “ไพ่ตาย” ไว้ในมือ 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์