กัมพูชา ยื้อปรับลดกำลัง เลื่อนอาร์บีซี 'ทีมไทยแลนด์' ถกนัดแรก วางกรอบงาน

“บิ๊กเล็ก” ถก ศบ.ทก. นัดแรก ขันน็อตกรอบทำงานแบบโต๊ะกลม เผย ”กัมพูชา“ เลื่อนถกปรับกำลังเวที RBC โดยไม่แจ้งเหตุผล
17 มิ.ย.เวลา13.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ที่ตึกสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวง และเหล่าทัพเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ ยังมีทีมโฆษกกองทัพบก นำโดย พลตรี วินธัย สุวารี เข้าร่วมด้วย โดยใช้เวลาประชุม 2 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา15.00 น.พลเอก ณัฐพล แถลงข่าวว่า การประชุมวันนี้ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานเป็นอย่างดี โดยได้ชี้แจงโครงสร้างการทำงานของศูนย์ฯ และต้องได้ข้อสรุปภายในวันนั้น พร้อมทั้งเสนอนายกฯ ให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ศูนย์ ฯ จะมีการประชุมทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.30 น. และแถลงข่าว ที่ตึกนารีสโมสร เวลา 12.00 น. หรือ 14.00 น. พร้อมถ่ายทอดสดทาง NBT ยกเว้นวันอังคาร ที่จะประชุม เวลา 14.00 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ ให้ทุกคนสแตนบาย หากมีประเด็นที่ต้องเรียกประชุม จะเป็นการประชุมผ่านระบบออนไลน์ เวลา 9.30 น.
“สำหรับกรอบการทำงาน บูรณาการและขับเคลื่อนงานระยะสั้น ติดตามให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนระยะยาว ขอย้ำว่าทีมไทยแลนด์ ไม่ใช่ส่วนการบังคับบัญชา เราทำงานระบบโต๊ะกลม หากทำเช่นนี้ได้เมื่อถึงเวลาก็จะจบภารกิจ“ พลเอกณัฐพล กล่าวและว่า
สำหรับมาตรการอื่นๆ ที่จะบังคับใช้ ได้เตรียมการไว้หมดแล้ว เมื่อถึงเวลาก็เรียนให้นายกฯ รับทราบ แล้วประกาศใช้ทันที แต่บางเรื่องก็ต้องเข้าที่ประชุม ครม. หรือ สมช.
นอกจากนี้ ทีมไทยแลนด์จะต้องเข้าไปตีกรอบการประชุม คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ไทย-กัมพูชา เพราะต้องเห็นพ้องกันทั้ง 2 ประเทศ ในการปรับการวางกำลัง เบื้องต้นได้รับแจ้งจากทางกัมพูชาว่า จะขอเลื่อนประชุมไปก่อน จากเดิมที่กำหนดไว้ 27-28 มิ.ย. นี้ โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ก็เป็นหน้าที่ของทีมไทยแลนด์ที่ต้องขับเคลื่อนให้มีการประชุมทวิภาคี นอกจากนี้ยังมองได้ว่า การเลื่อนประชุม RBC อาจเกิดจากความไม่เข้าใจกันเรื่องการสื่อสาร
พลเอก ณัฐพล ยังชี้แจงกรณีที่กองกำลังบูรพา มีการยกระดับห้ามคนไทยเดินทางไป ทำงานในบ่อน หรือ กาสิโนในปอยเปต ประเทศกัมพูชา ว่า เนื่องจากกัมพูชาไม่ให้รถขนส่งผักและผลไม้ ผ่านด่าน ที่ จ.จันทบุรี ซึ่งทางกัมพูชายังมีการประสานมาพูดคุยในเรื่องนี้ และเราคอยได้ เพราะไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นหลัก แต่ห่วงผลกระทบประชาชนตามแนวชายแดน ซึ่งการที่มีอาวุธหนักมาเผชิญหน้ากันอยู่ ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดปืนลั่นขึ้นมา คนชายแดนจะเดือดร้อน จึงต้องออกมาตรการควบคุมกำหนดเวลาเปิด-ปิด ไม่ให้เปิดตอนกลางคืน เพราะในยามวิกาลการดูแลประชาชนลำบาก
ส่วนที่ทางกัมพูชาเริ่มมีการตัดไฟฟ้า ทำให้มีไฟตกในพื้นที่ปอยเปต หลายจุด และหันไปใช้ไฟจากประเทศเวียดนามแทนนั้น พล.อ.ณัฐพล ยืนยันว่า ไม่กระทบ และเราจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟันต่อฟัน รัฐบาลไม่มีการสั่งตัดไฟ เราจะไม่ใช้มาตรการอะไรที่กระทบต่อประชาชนที่อยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา และพร้อมจะพิจารณาอย่างรอบคอบ เน้นย้ำไม่ให้เกิดข่าวที่เข้าใจผิด
ซึ่ง ที่ผ่านมาข้อเสนอแนะของนักวิชาการ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บางส่วนก็ทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก เพราะทำอะไรก็ไม่เข้าเกณฑ์ของอีกคน จึงขอเสนอให้สมาคมสื่อ จัดเวทีเสวนารวบรวมนักวิชาการเหล่านี้มาพูดคุย ซึ่งตนพร้อมรับฟังข้อเสนอ พร้อมยืนยันว่า ไม่ถึงขั้นขอให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเราเป็นประเทศเสรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำหรับ ศบ.ทก. มีอำนาจหน้าที่คือ
1.ติดตาม ตรวจสอบ วิเคราะห์การกรองและประเมินสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด
2.ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับมาตรการที่จำเป็น เพื่อประโยชน์ในการบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดน ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจหน้าที่ต่อไป
3.บูรณาการปฎิบัติงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้มีความเป็นเอกภาพ และเป็นศูนย์กลางเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อสาธารณะชน
4.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการปฎิบัติหน้าที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
5.รายงานผลการปฎิบัติงานและการบริหารสถานการณ์ชายแดน ต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี แล้วแต่กรณีเพื่อทราบเป็นระยะ
6.ดำเนินการอื่นใดตามที่นายกรัฐมนตรี หรือคณะรัฐมนตรี มอบหมาย
ทั้งนี้ การดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้คำนึงถึงความมุ่งหมายที่จะแก้ไขความตึงเครียด และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน ให้กลับสู่ภาวะปกติ เคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแผ่นดิน และเอกลักษณ์ของทั้งสองประเทศ โดยปราศจากการแทรกแซงของประเทศที่สาม หรือองค์กรระหว่างประเทศทั้งปวง
ขณะเดียวกัน เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ให้ผู้อำนวยการศูนย์ รายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อทราบและมีคำสั่งยกยกเลิกคำสั่งนี้