3 ประสานขย่ม ‘เพื่อไทย’ ฝ่ายค้านผสมฝ่ายแค้นรุก 'รัฐบาลแพทองธาร'

น่าจับตาว่า ทุกย่างก้าวของ 3 ประสาน “สุเทพ- เนวิน- ประวิตร” อาจเปิดปฏิบัติการรบกับ “ทักษิณ-เครือข่ายสีแดง” ขย่มเพื่อไทย ในจังหวะที่อ่อนแอที่สุด
KEY
POINTS
- การเมืองเดินเข้าสู่เกมแตกหัก แบ่งพรรค แยกพวก จากไฟต์บังคับให้ “พรรคเพื่อไทย” ต้องมาจับมือกับ “พรรคขั้วอนุรักษนิยม”
- ทุกย่างก้าวของ 3 ประสาน “สุเทพ- เนวิน- ประวิตร” อาจเปิดปฏิบัติการรบกับ “ทักษิณ-เครือข่ายสีแดง”
- โดยเลือกขย่มเพื่อไทย ในจังหวะที่อ่อนแอที่สุด และคงสภาพ “ขั้วอนุรักษ์” ให้อยู่ในเกมต่อรองได้นานที่สุด
สถานการณ์ทางการเมืองเดินเข้าสู่เกมแตกหัก แบ่งพรรค แยกพวก จากไฟต์บังคับให้ “พรรคเพื่อไทย” ต้องมาจับมือกับ “พรรคขั้วอนุรักษนิยม” เนื่องจากมีจุดร่วมเดียวกัน หวังสกัด สะกด “เครื่องจักรสีส้ม” ไม่ให้เข้าสู่อำนาจรัฐ
อีกทั้ง “เพื่อไทย” ยังมีวาระพ่วง ต้องการช่วย “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร กลับประเทศไทยแบบเท่ๆ แม้ในที่สุดทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่คาดหวัง แต่ฉากจบยังไม่บริบูรณ์ เมื่อต้องลุ้นคำวินิจฉัยของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งนัดไต่สวนคดีป่วยทิพย์ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นัดแรกไปเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ฝั่ง “หัวขบวนอนุรักษ์” สามารถสกัดไม่ให้ “กระแสสีส้ม” เข้าสู่อำนาจรัฐ เนื่องจากนโยบายของ “ขุนพลสีส้ม” ค่อนข้างทะลุเพดาน หากปล่อยให้เข้าควบคุมกลไกรัฐ จะส่งผลกระทบต่อ “หัวขบวนอนุรักษ์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อผลประโยชน์ลงตัว “เพื่อไทย- พรรคอนุรักษนิยม” จึงจับมือกันเฉพาะกิจ - เฉพาะกาล เพราะจุดหมายปลายทางของทั้งคู่แตกต่างกันสิ้นเชิง
ศึก“ค่ายสีแดง” ภายใต้การบัญชาการของ “นายใหญ่” เปิดฉากรบกับ “ค่ายสีน้ำเงิน” ภายใต้การบัญชาการของ “ครูใหญ่” ผลค่ายไหนจะเข้าวินต้องรอให้ครบยกเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของ “พรรคอนุรักษนิยม” อาจจะขยับกลับมาผนึกกันให้เหนียวแน่น ไม่โดดเดี่ยว“ภูมิใจไทย” ให้สู้รบปรบมือกับ “เพื่อไทย” เพียงลำพัง
หากย้อนฉากการเมือง ไปในช่วงจัดตั้ง "รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เมื่อปลายปี 2551 ขั้วอนุรักษนิยม นำโดย “พรรคประชาธิปัตย์” มี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” เลขาธิการพรรคปชป.ในขณะนั้น เป็นคนเปิดดีล ยื่นไมตรีไปที่ “กลุ่มเพื่อนเนวิน” ของ “เนวิน ชิดชอบ”
จากนั้น “กลุ่มเพื่อนเนวิน”จึงเคลื่อนกำลังออกจาก“พรรคพลังประชาชน” หันไปจับมือขั้วอนุรักษนิยม จัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร โดยมี “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้กำกับหลังฉาก ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ในรัฐบาลอภิสิทธิ์
“บิ๊กทรี” ในขณะนั้นจึงประกอบไปด้วย สุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เนวิน ชิดชอบ ยึดอำนาจจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ครองอำนาจรัฐบาลมาตั้งแต่ 17 ธ.ค. 2551- 5 ส.ค. 2554
ตัดฉากมาที่บริบททางการเมืองในปัจจุบัน ก่อนหน้านี้ ได้มีปฏิบัติแก้แค้น “ประวิตร”ก่อนหน้านี้ด้วยการขับ “พลังประชารัฐ” ให้ออกไปอยู่ในขั้วฝ่ายค้าน เนื่องจากร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม ยกทีม สส.ออกจาก “พลังประชารัฐ”ปฏิบัติการครั้งนี้ทำให้แรงแค้นของ “ประวิตร” สุมอยู่ในอก
ชอตต่อมาเมื่อ “ทักษิณ” เปิดเกมรุก“เนวิน” เพื่อทลายเครือข่ายสีเงิน โดยพุ่งเป้าไปที่คดีฮั้ว สว. ย่อมสุมไฟให้แรงแค้นของอีกฝ่าย
มาถึงจุดนี้ แนวรบ “ขั้วอนุรักษ์” จึงนับถอยหลัง เปิดฉากรบกับ “ทักษิณ” อีกครา
อีกทั้ง ล่าสุด มีกระแสข่าว “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. เริ่มมีความเคลื่อนไหวออกมาขยับเกม โดยกำราบ สส. พรรครวมไทยสร้างชาติ สายภาคใต้ที่คิดตีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สงบนิ่งอยู่ในที่ตั้ง
ว่ากันว่า “สุเทพ” อาจจะมีวาระส่วนตัว แต่ไม่มองข้ามวาระส่วนรวม ซึ่งโจทย์ใหญ่ โจทย์เก่า หนีไม่พ้น “ทักษิณ” คู่อริที่แค้นฝังหุ่นกันมาอย่างยาวนาน
ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ “สหายเก่า” อย่าง “ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เสียเหลี่ยมให้ “ทักษิณ” ขณะเดียวกัน “เนวิน ชิดชอบ” กำลังโดนโดดเดี่ยวกับการสู้กับ “เครือข่ายสีแดง”
ความเคลื่อนไหวของ ลุงกำนัน “สุเทพ เทือกสุบรรณ” จึงกลับมาอยู่ในโฟกัสอีกครั้ง
น่าจับตาว่า ทุกย่างก้าวของ 3 ประสาน “สุเทพ- เนวิน- ประวิตร” อาจเปิดปฏิบัติการรบกับ “ทักษิณ-เครือข่ายสีแดง” ขย่มเพื่อไทย ในจังหวะที่อ่อนแอที่สุด และคงสภาพ “ขั้วอนุรักษ์” ให้อยู่ในเกมต่อรองได้นานที่สุด