‘นายกฯ’ เผย ไม่เคยสั่งปิดชายแดน ชี้ ตั้งทีมป้องอธิปไตย ตอบโต้ ‘กัมพูชา’

‘นายกฯ’ เผย ไม่เคยสั่งปิดชายแดน ชี้ ตั้งทีมป้องอธิปไตย ตอบโต้ ‘กัมพูชา’

“แพทองธาร” ย้ำ ยึดสันติวิธี แก้พิพาท กัมพูชา เผย ไทย ให้เกียรติคู่เจรจา ย้ำ ไม่เคยสั่งปิดชายแดน เมิน อีกฝ่ายร้องศาลโลก ตั้งทีมป้องอธิปไตย พร้อมตอบโต้ ยัน เป็นเอกภาพกับกองทัพ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวระบุว่า จากจุดเริ่มต้นสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ดิฉันและทุกหน่วยงานภายใต้รัฐบาลไทย ยึดหลักสันติวิธีในการแก้ปัญหา โดยการเจรจาตามกรอบทวิภาคี ทั้งในระดับผู้นำ รัฐมนตรี และกองทัพ ดำเนินการทุกอย่างตรงไปตรงมาค่ะ เพื่อรักษาบูรณภาพทางดินแดน ปกป้องอธิปไตย สร้างสันติภาพตามแนวชายแดน เพื่อประโยชน์สุขของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ประเทศ 

การเจรจาของรัฐบาลไทย เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติสากลระหว่างประเทศ ผ่านช่องทางการสื่อสารทางการของรัฐ งดเว้นการสื่อสารรายวันผ่านช่องทางอื่นๆ ไม่ยั่วยุหรือท้าทาย ไม่สร้างความคลาดเคลื่อน เพื่อให้เกียรติมิตรประเทศคู่เจรจา รักษาบรรยากาศคลี่คลายความขัดแย้ง และไม่ส่งผลต่อสถานการณ์ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม  

ดิฉันขอย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่เคยออกคำสั่งปิดด่านชายแดนค่ะ สิ่งที่ดำเนินการอยู่คือการกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่าน จากมติในที่ประชุมสมช. ซึ่งมอบอำนาจให้กองทัพพิจารณา เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของกำลังทหาร และอาวุธที่ใช้ปฏิบัติการในระยะไกลของฝ่ายกัมพูชา ไทยจึงจำเป็นต้องกำหนดเวลาเปิด-ปิดด่านเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งมาตรการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากสถานการณ์เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

 

ที่ผ่านมาการประชุมในกรอบ JBC ผ่านไปด้วยดี แม้ยังมีข้อเห็นต่างกันของทั้ง 2 ฝ่าย แต่เพื่อรักษาแนวทางการเจรจา รัฐบาลไทยจึงเสนอให้มีการประชุมในกรอบ RBC ซึ่งเป็นระดับผู้นำกองทัพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความตึงเครียด ให้ทั้งสองฝ่ายมีการปรับกำลังในพื้นที่เผชิญหน้า ให้กลับมาเหมือนปี  พ.ศ. 2567 

 

ส่วนกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาจะเดินหน้านำ 4 พื้นที่พิพาท เข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ดิฉันขอยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก และไม่เข้าร่วมกระบวนการดังกล่าว เพราะรัฐบาลเชื่อมั่นในกลไกทวิภาคีที่มีความจริงใจของทั้ง 2 ประเทศ คือแนวทางที่มีประสิทธิภาพและคาดหวังผลสำเร็จได้ 

ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อปกป้องอธิปไตย และตอบโต้การดำเนินการใดๆ ที่จะมีผลกระทบ โดยมีรมช.กลาโหม จะเป็นหัวหน้าคณะ นอกจากนี้ สั่งการให้มีการศึกษาข้อกฏหมายระหว่างประเทศ เพื่อย้ำจุดยืนของไทยในประเด็นระหว่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้นำเรียนข้อมูลและความคืบหน้าให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไป และในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการเชิญคณะเอกอัครราชฑูตจากหลายประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงจากกระทรวงการต่างประเทศ และคณะกรรมการ JBC เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ไปพร้อมๆ กัน 

การทำงานของรัฐบาลและกองทัพเป็นเอกภาพ ทุกคนคือทีมไทยแลนด์ วันนี้เราไม่ได้ต่อสู้กันเอง เรารู้สึกเหมือนพี่น้องคนไทยทุกคนว่าการรักษาอธิปไตยของชาติ ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน คือภารกิจอันสำคัญสูงสุด รัฐบาลจะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ วันนี้ถ้าไม่เคารพกติกา ก็จะไม่ได้รับการยอมรับในเวทีโลกค่ะ