'วุฒิสภา' จ่อเปิดเวทีซักฟอก 'รัฐบาล' ปมพิพาทไทย-กัมพูชา

'วุฒิสภา' จ่อเปิดเวทีซักฟอก  'รัฐบาล' ปมพิพาทไทย-กัมพูชา

"กมธ.ทหาร" เตรียมล่าชื่อสว. ขอเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่ออภิปรายทั่วไป ให้​ "รัฐบาล" ชี้แจงข้อเท็จจริง ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

ที่รัฐสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร และความมั่นคงของรัฐ นำโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ฐานะประธานกมธ. น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. และ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว. ออกแถลงการณ์เพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหากรณีแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

โดย พล.อ.สวัสดิ์ ระบุว่าจากเหตุการณ์ความขัดแย้งแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากฝ่ายกัมพูชาฐานะผู้กระทำที่ไร้ความจริงใจ และบ่อนทำลายประเทศไทยด้วยสารพัดวิธี เพื่อหวังครอบครองแผ่นดินไทยเป็นของตน  และจากสภาพปัญหาที่ซับซ้อนและตึงเครียด และมีความเห็นจากเวทีวิชาการมองว่าการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลจากผู้นำไทยนั้นด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ และกลับขานรับคำว่า โน แมนส์ แลนด์ ตามที่คนนอกรัฐบาลเหยียบย่ำซ้ำเติมด้วยการบอกว่าให้เปลี่ยนจากการยิงกันเป็นการเตะตระกร้อ เพราะพื้นที่ดังกล่าวมีแต่ป่า ทำเป็น โน แมนส์ แลนด์ ดีกว่า ดังนั้นตามหน้าที่ของวุฒิสภาในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน  มีสิทธิขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ ครม. แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 เพื่อให้สว.เสนอความคิดและแนวทางในการคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้รัฐบาลนำไปประกอบการตัดสินใจโดยเร็วต่อไป

“จากเหตุการณ์ต่างๆ และสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ การที่ผู้นำรัฐบาล คือ นายกฯ ขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลกระทบในทางลบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อครม. โดยเฉพาะการแก้ปัญหาชายแดน ซึ่งกระทบต่ออธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย หากปล่อยให้นายกฯ และครม.ดำเนินการแก้ไขเรื่องนี้ตามอำเภอใจ อาจทำให้อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไทยถูกรุกล้ำและยึดครอง” พล.อ.สวัสดิ์ ระบุ

ขณะที่พล.อ.เกรียงไกร ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม โดยย้ำว่าการเปิดอภิปรายทั่วไปดังกล่าวเป็นอำนาจของสว. ที่จะทำได้ โดยรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ในขั้นตอนอาจต้องถามรัฐบาลว่าสะดวกมาเมื่อไร อย่างไรก็ดีการเข้าร่วมประชุมวุฒิสภาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียดต่อการแก้ปัญหาจะเป็นผลดีกับรัฐบาล ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดการบิดเบือน และทำให้คนไทยตระหนก

“การแก้ปัญหาในพื้นที่ รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการที่กระชับ และเข้มงวด และทันท่วงที ไม่ใช่เลือกการตอบโต้ที่ไม่เข้มแข็ง หรือ ผ่อนปรนให้กับกัมพูชา  อย่างไรก็ดีผมสนับสนุนให้ใช้กระบวนการพูดคุยผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ ทั้ง อาร์บีซี เจบีซี และ จีบีซี  ทั้งนี้การแก้ไขสถานการณ์ขัดแย้งนั้นต้องคำนึงประโยชน์ชาติ อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน” พล.อ.เกรียงไกร กล่าว

พล.อ.เกรียงไกร กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่สว. เรียกร้องให้เปิดประชุมวิสามัญเพื่อแก้ปัญหาข้อพิพาท แต่รัฐบาลปฏิเสธนั้น ทำให้รัฐบาลเสียโอกาสรับฟังแนวทางที่จะนำไปกำหนดมาตรการแก้ปัญหา และไม่มีสมาชิกรัฐสภาเป็นหลักพิง ทั้งนี้กรณีพิพาทเขตแดนนั้นไม่มีเฉพาะในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีเท่านั้นแต่ยังมีแนวพรมแดน อื่นๆ ที่รัฐบาลจำเป็นต้องกำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อให้ผู้ปฏิบัติหน้าแนว ทั้งทหาร พลเรือนและฝ่ายปกครองไปดำเนินการที่จำเป็นต้องใช้การแก้ไขที่เป็นเอกภาพ

'วุฒิสภา' จ่อเปิดเวทีซักฟอก  'รัฐบาล' ปมพิพาทไทย-กัมพูชา

เมื่อถามถึงมุมมองต่อการรเลิกเอ็มโอยู  43  พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เอ็มโอยูดังกล่าวไม่ได้ให้การยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน เพราะเป็นแผนที่มาทีหลัง และไม่ได้รับการรับรอง ทั้งนี้เชื่อว่าจะไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ เพราะไทยยึดแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น

เมื่อถามย้ำถึงมุมมองการแก้ปัญหาของผู้นำไทย ว่าเป็นแบบหัวใจกัมพูชาหรือไม่ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง กล่าวว่า “ประชาชนเป็นคนกล่าวหาตามโซเชียลต่างๆ  หากรัฐบาลมาชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาจะได้ชี้แจงและตอบโต้ได้ว่าที่ประชาชนพูดนั้นไม่จริง”