'คำนูณ' ย้อนอดีต ชนวนยกเลิก เอ็มโอยู 43 จี้ 'ไทย' พิจารณา

'คำนูณ' ย้อนอดีต ชนวนยกเลิก เอ็มโอยู 43 จี้ 'ไทย' พิจารณา

"คำนูณ" รอฟังประธานเจบีซี ฝ่ายไทย แถลงปมแผนที่ สู้ข้อพิพาทกับ กัมพูชา พร้อมย้อนอดีต ชนวนยกเลิก เอ็มโอยู 43 หวังเลิกแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน

นายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต สว. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ถึงกรณีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อ 14 และ 15 มิ.ย.  ซึ่งประเทศกัมพูชาแถลงได้ทันทีหลังจบประชุมว่ากัมพูชายืนยันใช้แผนที่ 1 ต่อ 2แสน ในการทำหลักเขตแดนและจะไม่ยอมใช้แผนที่ 1 ต่อ 5หมื่นที่ไทยจัดทำขึ้นฝ่ายเดียว ว่า แม้ว่าประเทศไทยจะแถลงตอบโต้ว่าไม่ได้หารือในประเด็นแผนที่ แต่ต้องรอฟังคำแถลงอย่างเป็นทางการจากประธานเจบีซี ฝ่ายไทย ซึ่งวันนี้ (16 มิ.ย. ) ครบรอบ  25 ปี เอ็มโอยู 43 ด้วย 

นายคำนูณ ระบุด้วยว่าสำหรับแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน เป็นประเด็นที่ทำให้ไทยเสียประสาทพระวิหารในเวทีโลกหรือศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) เมื่อ 63 ปีก่อน  ซึ่งศาลโลกใช้กฎหมายทำให้ไทยต้องยอมรับไปโดยปริยายว่าปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา จาก 2 ปัจจัยคือ การยอมรับ แผนที่อัตราอัตราส่วน 1 ต่อ 2แสนที่ฝรั่งเศสจัดทำขึ้นในปี 1908 กับ การเสด็จเยือนพระวิหารของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพในปี 2473 จะเห็นการชักธงชาติฝรั่งเศสขึ้นแต่ไม่มีการคัดค้านหรือประท้วง

"การใช้หลักกฎหมายปิดปากมาพิพากษาให้ไทยสูญเสียอธิปไตยในข้อพิพาท เป็นเสมือนการลงโทษหนักที่ไม่ได้สัดส่วนกัน และสารเลือกให้น้ำหนักปัจจัยอื่นนอกเหนือจากปัจจัยเนื้อหาของหลักสนธิสัญญามาเป็นโทษกับฝ่ายไทยเท่านั้น ไม่ได้พิจารณาให้น้ำหนักถึงปัจจัยอื่นที่เป็นโทษกับฝรั่งเศสและกัมพูชา เช่นการครอบครองพื้นที่พิพาทมาอย่างต่อเนื่องระยะเวลาหนึ่ง  ซึ่งไทยต่อสู้ว่าไม่เคยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน" นายคำนูณ ระบุ

นายคำนูณระบุต่อว่า กระทรวงการต่างประเทศมักจะพูดว่าไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2แสนแต่ต้องเขียนไว้เพื่อเป็นเอกสารประกอบการเจรจา ซึ่งหากดูใน เอ็มโอยู 2543 โดยมีการสรุปสาระสำคัญของเอ็มโอยูดังกล่าวเสนอให้ไทยจัดทำกัมพูชาตามมติที่ประชุมเจบีซีครั้งที่2 ที่มีข้อความสำคัญระบุว่า

“พื้นฐานทางกฎหมาย การสำรวจและปักหลักเขตแดนทางบกจะดำเนินการโดยใช้เอกสารหลักฐานที่ผูกพันไทยและกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญาฉบับลงวันที่ 13 ก.พ. ค.ศ. 1904 สนธิสัญญาฉบับลงวันที่ 23 มี.ค. ค.ศ. 1907 กับพิธีสารแนบท้าย และแผนที่แสดงเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามาตราส่วน 1 ต่อ 2แสนซึ่งจัดทำขึ้นตามผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน" นายคำนูณ ระบุ

นายคำนูณ ระบุต่อว่า มีข้อความที่ว่า  ผูกพันไทยทำให้ในปี 2551 มีกระแสเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 เพราะกังวลว่าหากใช้แผนที่ 1 ต่อ 2แสนมาจัดทำหลักเขตแดนไทยต้องเสียดินแดนอีก ถึงขนาดมีการนำเสนอแผนที่เปรียบเทียบว่าไทยอาจเสียดินแดนตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชา 1.5 ล้านไร่ แต่ก็ไม่มีใครฟังและยังคงกอด เอ็มโอยู2543 มาจนทุกวันนี้