ดีเดย์ ชะตา'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย' ศึกพรรคร่วม ชิงทางรอด

ดีเดย์ ชะตา'เพื่อไทย-ภูมิใจไทย'  ศึกพรรคร่วม ชิงทางรอด

ศึกพรรคร่วมรัฐบาลรอบนี้ ความสัมพันธ์ของ “นายใหญ่-ครูใหญ่” และ “เครือข่ายแดง-เครือข่ายน้ำเงิน” เข้าสู่การรบแตกหัก เพื่อทางรอดของตัวเอง

KEY

POINTS

  • สัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าว “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ “รองหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีนัดหมายพูดคุยความเมือง
  • วันนี้คือดีเดย์ที่ "นายกฯ - รองนายกฯ" จะต้องปิดจ็อบเจรจาแลกเปลี่ยนกระทรวงให้สำเร็จ หาก "ภูมิใจไทย" ไม่ยอมแลก อาจจะต้องถูกขับไปอยู่ในขั้วฝ่ายค้าน
  • ทว่าแม้เสียงในสภา หลังขับ "ภูมิใจไทย" จะเกินกึ่งหนึ่ง แต่อยู่ในสภาวะปริ่มน้ำ "นายใหญ่ - เพื่อไทย" จึงต้องหาเสียง สส. เพิ่ม

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกระแสข่าว “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กับ “รองหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีนัดหมายพูดคุยความเมือง เจรจาแลกเปลี่ยนกระทรวง

เป้าหมายของ “นายใหญ่” ต้องการยึดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอยู่ภายในการกำกับดูแลของ “อนุทิน - เครือข่ายสีน้ำเงิน” ให้มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคเพื่อไทย

โดยมีชื่อของ “รองเสริฐ” ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ รมว.ดีอีเอส เป็นตัวเต็งที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้ มท. 1 คนใหม่ 

ส่วน “อนุทิน” อาจจะต้องโยกไปนั่งเก้าอี้ “รมว.พาณิชย์” รับงานเผือกร้อนที่จะต้องเจรจา “ภาษีทรัมป์” รวมถึงร่วมกันดูแลงานด้านเศรษฐกิจ

ว่ากันว่า แม้ใจลึกๆ ของ “นายกฯอิ๊งค์” ไม่อยากจะปฏิบัติการ ยึดกระทรวงมหาดไทย เพราะรู้ว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของ “พรรคร่วมรัฐบาล” ย่ำแย่ จนอาจนับถอยหลัง รอวันแยกทาง

ทว่า “บิดานายกฯ” ทักษิณ ชินวัตร มองว่ากลไกของ “มหาดไทย” สำคัญต่อการวางเกม วางคน เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นมาสู่การเมืองระดับชาติ 

ที่สำคัญหากปล่อยให้ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” ฝังรากวางฐานอีก 2 ปี จะยิ่งทำให้ “ภูมิใจไทย”แข็งแกร่ง จนส่งผลกระทบโดยตรงกับ “เพื่อไทย” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

หาก “นายใหญ่ - เพื่อไทย” ยึด “มหาดไทย” มาได้ จะเป็นการเปลีี่ยนเกม ที่ทำให้ “ครูใหญ่เนวิน - เครือข่ายสีน้ำเงิน” เสียเปรียบ โดยพยายามตัดตอนเครือข่ายท้องถิ่น ก่อนจะเคลียร์คน จาก “ค่ายน้ำเงิน” อัดโปรย้ายมาสังกัด “ค่ายแดง”

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเมืองของ “เพื่อไทย” ไม่ใช่พรรคกระแสดีเหมือนเก่า จึงจำเป็นต้องใช้บริการ “พรรคบ้านใหญ่” เป็นหลัก ดังนั้นการยึดหัวหาด “มหาดไทย” จึงมีความจำเป็นในสายตาของ “นายใหญ่”

 นาทีนี้ ธงของ “นายใหญ่ - เพื่อไทย” ไม่มีลังเลอีกแล้ว จึงเดินหน้ายึด “มหาดไทย” มาให้ได้ พร้อมทั้งวางเกมข้ามชอต เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ที่ภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล

ชอตต่อไป จึงต้องวัดใจ “ภูมิใจไทย” ว่า จะแก้เกมนี้อย่างไร ยังมีแผน 2 เงื่อนไขต่อรองใดๆ หรือจำนนต่อเกมนี้ โดยถอยออกจากรัฐบาล

ว่ากันว่า วันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.จะมีการพูดคุยกันระหว่าง“นายกฯอิ๊งค์- บิ๊กค่ายแดง” กับ“รองหนู - บิ๊กค่ายน้ำเงิน” เพื่อหาข้อสรุปให้ได้ 

หลังจากนั้น “พรรคภูมิใจไทย” นัดประชุม สส.พรรค ในช่วงเย็นวันเดียวกัน ก่อนประกาศท่าทีออกมา

หากผลการเจรจาเป็นไปในทิศทางบวกกับ “ภูมิใจไทย” การแสดงท่าทีอาจจะไม่เกิดขึ้น แต่หากผลเจรจาเป็นผลลบ อาจมีแอ็กชันแรงๆออกจาก สส.ค่ายสีน้ำเงิน ทันทีเช่นกัน

 อย่างไรก็ตาม ไทม์มิ่งการปรับครม.ของ “นายกฯอิ๊งค์” ที่วางไว้ จะต้องปฏิบัติการให้เสร็จก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. เนื่องจากสมัยประชุมสภาฯ จะเปิดในวันที่ 3 ก.ค. เพื่อให้มีเวลาบริหารจัดการเสียง สส. ในสภาฯ เพราะหากยังลูกผีลูกคน แล้วจำเป็นต้องมีการโหวตวาระใดๆ จะทำให้จำนวนเสียง สส. ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล ไม่แน่นอน และสุ่มเสี่ยงทันที

การบริหารจัดการเสียง สส. ต้องมีความชัดเจนว่า “ภูมิใจไทย” ยังอยู่ขั้วพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ หากดีดตัวเองไปอยู่ในขั้วฝ่ายค้าน จังหวะเดียวกันเพื่อไทย ก็ต้องมั่นใจว่า และมีความชัดเจนว่า จะมีเสียงจากส่วนอื่นๆ จาก “ขั้วฝ่ายค้าน”มาเติม “ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล”

ขณะเดียวกัน สัญญาณการเลื่อนการจัดประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พิษณุโลก จากเดิมจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 23 -24 มิ.ย. นายกฯได้เลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด ซึ่งคาดการณ์ว่าไทม์มิ่งดังกล่าว จะอยู่ในช่วงของการเดินเกมปรับ ครม.ให้เกิดความชัดเจนเสียก่อน

ดังนั้น จึงจ้องจับตาว่า การเมืองไฟต์บังคับของ “นายกฯอิ๊งค์” ต้องจัดการให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน มิ.ย. จะเป็นไปตามเดดไลน์หรือไม่ หลังจากยื้อมาจนสุดทาง

ที่สำคัญศึกพรรคร่วมรัฐบาลรอบนี้ ความสัมพันธ์ของ “นายใหญ่-ครูใหญ่” และ “เครือข่ายแดง-เครือข่ายน้ำเงิน”จำเป็นต้องเข้าสู่การรบแตกหัก เพื่อทางรอดของตัวเอง จนกว่าจะโคจรมาเจอกันใหม่ เมื่อผลประโยชน์การเมืองวิน-วิน