ส่อง‘ขุนพล’ หลังม่านกองทัพ แนวรุก กรำศึก‘ไทย-กัมพูชา’

แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้คุมกำลังรบในพื้นที่ไทย-กัมพูชา ต้องยืนแนวหน้ารับแรงกระแทกทั้ง ภายใน-ภายนอกประเทศ โดยมีคน หลังม่านกองทัพคอยค้ำยัน
KEY
POINTS
- “แม่ทัพกุ้ง”เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนพล.อ.พนา ที่คุ้นเคยกันมาตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร จนเป็นคู่บัดดี้
- พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก ผู้วางกลยุทศาสตร์แผนการเคลื่อนย้ายหน่วย
- ผบ.กองอาทมาต รวบรวมข่าวสารและเฝ้าตรวจสนามรบ สนับสนุนหน่วยดำเนินกลยุทธ์
- ผบ.นสศ. รับผิดชอบการปฏิบัติการสงครามพิเศษทั้งหมดของกองทัพบก ตามสโลแกน“พลังเงียบ เฉียบขาด”
วลี “สถานการณ์สร้างวีรบุษ” มักถูกหยิบยกมาเปรียบเทียบเมื่อเกิดสถานการณ์คับขันหรือวิกฤติ เพราะเป็นบททดสอบที่ดี ว่า “ผู้นำ” หรือ “วีรบุรุษ” จะรับมือสถานการณ์ ความกดดันจากความหวัง และพลังศรัทธาของผู้คนได้มากน้อยเพียงใด
เช่นเดียวกับ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คนทั้งประเทศฝากความหวังไว้ที่ “กองทัพ-ทหาร” ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการปกป้องอธิปไตย ดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนตามแนวชายแดน
สะท้อนผ่าน “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้คุมกำลังรบในพื้นที่ ต้องยืนแนวหน้าท่ามกลางแรงกระแทกปัจจัยภายใน-ภายนอกประเทศอย่างไม่หวาดหวั่น ยึดมั่นเพียงปกป้องอธิปไตยและดูแลประชาชนให้ปลอดภัย
ทว่า “แม่ทัพกุ้ง”ไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง เพราะเบี้ยงหลังมี “ผบ.ปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. คอยค้ำยันคนอยู่แนวหน้า ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับ ไม่ขาดตกบกพร่อง ประสานงานรัฐบาล สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เหล่าทัพ
ก่อนรับตำแหน่ง “พล.อ.พนา” เคยเปรยกับสื่อมวลชนแบบไม่เป็นทางการเรื่องการทำงานประชาสัมพันธ์เชิงรุก หวังปกป้องภาพลักษณ์ “กองทัพบก” อยากให้การชี้แจงข้อเท็จจริงรวดเร็ว ฉับไว ทันต่อสถานการณ์
คำพูดของ “ผบ.ทบ.”จะสื่อสารผ่าน “โฆษกกองทัพบก”ไปสู่สาธารณชนในทุกประเด็น รวมถึงชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะตัวตนของ พล.อ.พนา เป็นคนพูดน้อย และไม่ชอบออกสื่อมาตั้งแต่นั่งเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 แล้ว
ปูมหลัง พล.อ.พนา โดดเด่นมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนเตรียมทหารรุ่น 26 นักเรียนหัวกะทิ ได้เป็นหัวหน้านักเรียนนายร้อยจปร.รุ่น37
“สิ่งที่ได้รับการเข้าเป็นนักเรียนนายร้อย เป็นความเปลี่ยนแปลงจากชีวิตนักเรียนพลเรือน คือการปลูกฝังความมีระเบียบวินัยต่างๆ ในการดำเนินชีวิต เป็นการปลูกฝังแนวทางให้ผม สามารถออกไปรับราชการ ให้เป็นทั้งนักการทหาร นักวิชาการ และนักพัฒนาที่ดี” พล.อ.พนา เคยพูดไว้ในขณะเป็นหัวหน้านักเรียนนายร้อยจปร.รุ่น37
“แม่ทัพกุ้ง” เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อน พล.อ.พนา เคยเรียนกองวิชาวิศวกรรมเครื่องกล โรงเรียน จปร. และไปฝึกหลักสูตรการรบแบบจู่โจมด้วยกัน กินนอนด้วยกันในบ้านหลังเดียวกัน กลายเป็น “คู่บัดดี้” แม้แต่ช่วงรับราชการลงไปปฏิบัติภารกิจพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยกัน
นอกจากนี้ มี พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก คนในกองทัพมักจะเรียกว่า “ปู ด้วง” ป้องกันความสับสนเพราะมีชื่อเล่นเหมือนกับ “พล.อ.พนา” และเป็นอีกคนรู้ใจทำงานเข้าขากับ ผบ.ทบ.
ในการปรับย้ายใหญ่กันยายน 2568 นี้คาดการณ์ว่า พล.ท.ชัยพฤกษ์ จะได้เป็น เสธ.ทบ. เพราะเป็นนายทหารเติบโตสายงานกองทัพบกฝ่ายยุทธการ
โดยทหารฝ่ายยุทธการ มีบทบาทสำคัญวางแผน การบริหารจัดการด้านยุทธการ การฝึกของหน่วย ตลอดจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล การวางแผนการเคลื่อนย้ายหน่วย และการจัดทำคำสั่งปฏิบัติการวิเคราะห์สถานการณ์ การกำหนดภารกิจ การวางแผนการปฏิบัติการช่วยรบ การบังคับบัญชา และการสื่อสาร
ส่วนตำแหน่ง เสธ.ทบ.เปรียบเสมือนแม่บ้าน ต้องดูแลภายในกองทัพบก มีปัญหาอะไรบ้างต้องแก้ไข จะนำเสนอให้ ผบ.ทบ.เป็นผู้ดำเนินการ ขณะที่ ผบ.ทบ.จะรับนโยบาย นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม มาสั่งการ เสธ. ทบ.อีกต่อหนึ่ง
ส่วน “บิ๊กโอ๋”พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร(ขกท.) หรือกองอาทมาต มีภารกิจหลักในการรวบรวมข่าวสารและเฝ้าตรวจสนามรบ สนับสนุนให้แก่หน่วยดำเนินกลยุทธ์
กองอาทมาต ที่สืบสานการทำหน้าที่มาตั้งแต่โบราณกาลทั้งสอดแนม จารกรรม รวมรวมข่าวสาร มีคาถาอาคม จนกลายเป็นทหารการข่าว ทำหน้าที่รวบรวมข่าวสาร ใช้เครื่องมือพิเศษระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความทันสมัย
“บิ๊กเต้”พล.ท.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(ผบ.นสศ.) รับผิดชอบการปฏิบัติการสงครามพิเศษทั้งหมดของกองทัพบก ตามสโลแกน“พลังเงียบ เฉียบขาด”
หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษประกอบด้วย กองบัญชาการ และกองร้อยกองบัญชาการ กองพลรบพิเศษที่ 1 เป็นส่วนกำลังรบ มีหน่วยรองหลัก ได้แก่ กรมรบพิเศษ และ 1 กรมปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ เป็นส่วนการศึกษาและสนับสนุน กรมรบพิเศษที่ 2 เป็นหน่วยควบคุมการปฏิบัติ การปฏิบัติการข่าวลับและการปฏิบัติการจิตวิทยา กองพันทหารสื่อสารที่ 35 เป็นส่วนสนับสนุนการปฏิบัติด้านการติดต่อสื่อสารและสารสนเทศ
ทั้งหมดนี้คือผู้ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดย “ผบ.ทบ.” ผู้ควบคุมสั่งการ ระดมกำลัง อาวุธยุทโธปกรณ์ลงพื้นที่
พร้อมมอบอำนาจตัดสินใจให้ “แม่ทัพกุ้ง” ในฐานะผู้อยู่หน้างาน
ส่วน “พล.ท.ชัยพฤกษ์” วางแผน อ่านเกมฝ่ายตรงข้าม ดำเนินกลยุทธ์ทหารไทยได้เปรียบฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ “บิ๊กโอ๋” ผู้ควบคุมกองกำลังอาทมาต เปรียบเป็นหู-ตาแห่งสนามรบ ทำหน้าที่สืบเสาะหาข่าว ผนึกกำลังหน่วยรบพิเศษของ “บิ๊กเต้”
เพราะทั้งหมดนี้ คือทีมเดียวกัน พร้อมนำพาทหารหารหาญ เดินตามคำปฏิณาณตนที่เคยให้ไว้ต่อหน้ารัชกาลที่ 5 “จะรักษามรดกท่านไว้ด้วยเลือด”







