กัมพูชา เตรียม วอล์คเอาท์ 'ภราดร' แนะจับตา จีบีซี ชี้ปิดด่าน สัญญาณอันตราย

13 มิ.ย.2568 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขา สมช.กล่าวถึง
ทิศทางการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา จัดขึ้นในวัน14 มิ.ย.กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชาภายหลัง สมเด็จฮุนเซน ประธานพฤตสภากัมพูชาและอดีตนาบกฯ ประกาศมาตรการตอบโต้ไทย6 ข้อว่า  สิ่งบอกเหตุของสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่มีตัวบ่งชี้ ว่าจะเป็นไปตามความต้องการของไทย เรื่องการนำจุดปะทะ บริเวณช่องบก พูดคุยในทวิภาคี แต่ปฏิกิริยา ที่ได้รับการตอบรับ ไม่ว่าจะเป็น การปิด-เปิดด่าน ก็ตาม ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชา ก็ปิดด่านโดยที่ไม่แจ้งเวลา ที่ด่านบ้านแหลมและด่านผักกาดจังหวัดจันทบุรี 

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ 6 ข้อ ที่อดีตนายกฯฮุนเซนสื่อสารมา ในขณะที่ ฮุนมาเนต นายกฯกัมพูชา ห้ามเผยแพร่ภาพยนต์และละครไทยในกัมพูชา เป็นคำถามว่าจะแสวงหาจุดตรงกลางได้อย่างไร ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายรวมถึง เรื่องตัดไฟฟ้าและตัดอินเทอร์เน็ต ชิงปิดไปก่อน เพื่อชิงความได้เปรียบ ซึ่งตามข้อเท็จจริงแล้ว กัมพูชาน่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องไฟฟ้า แม้จะพุ่งเป้าไปซื้อที่เวียดนามหรือลาว เพิ่มเติม เพื่อชดเชยจากฝั่งไทย แต่บางพื้นที่ในประเทศกัมพูชา ก็ไม่สะดวก ในการที่จะถ่ายย้ายไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะต้องเพิ่มเติมขึ้น แต่กัมพูชาต้องแสดงออกในเชิงมาตรการเชิงรุก ว่าไม่หวั่นเกรง ต่อมาตรการ ตอบโต้ของไทย ทั้งเรื่องการปิดด่าน การตัดไฟฟ้าอินเทอร์เน็ต 

เมื่อถามว่าในการประชุม 14 มิ.ย. คิดว่าฝ่ายไทย มีไม้เด็ด ที่จะกดดันกัมพูชาหรือไม่ พลโทภราดร กล่าวว่า มันใช้ได้อยู่ในเรื่องของการปิดด่าน ในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งต้องให้น้ำหนัก ไปทางฝั่งตะวันออก คืออำเภออรัญประเทศ ที่ติดกับปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพราะเป็นพื้นที่ที่ส่งผลกระทบกับกัมพูชามาก ในขณะที่อินเทอร์เน็ตก็ต้องเข้มในพื้นที่ที่จะตัดให้หนักขึ้น 

"2 ปัจจัยนี้มีพลังมากเพียงพอ ที่จะทำให้กัมพูชาเดือดร้อนมากพอสมควร และหันกลับมาสู่การพูดคุยทวิภาคีได้ เพียงแต่ ในห้วงเวลากระชั้นชิด และมาตรการดังกล่าวยังไม่ได้เกิดขึ้น ต้องมองว่า 14 มิ.ย. จะเป็นอย่างไร แต่ถ้าคาดการปฏิกิริยาที่กัมพูชาเดินมาอยู่ในวันนี้ ไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายของเรา แต่ในวัน 14 มิ.ย.ก็จะได้เห็น หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายของเรา ก็จะมาเข้มข้นมาตรการที่กำหนดไว้ เพื่อทำให้เกิดการพูดคุยในเวทีอื่น" พลโทภราดร กล่าว

เมื่อถามว่า มาตรการ 6 ข้อของสมเด็จฮุนเซน ออกมาเพราะกังวลว่าไทยจะปิดด่านตลอดแนว พลโทภราดร กล่าวว่า ใช่ จะได้เห็นจากในข้อแรกก็คือ หยุดนำเข้าสินค้าไทย แต่ต้องไม่ลืมว่า สินค้าที่ส่งออกนั้นมีทั้งสินค้าไทย และของจีน
ผสมผสานอยู่ด้วย แต่หากจะไปนำเข้าช่องทางอื่นใช้ทางอ้อมไกลพอสมควร เช่นเดียวกับการสนับสนุนการเปิดตลาดใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกเช่นกัน เพราะตลาดอื่นอยู่ไกล ในขณะที่ ประเทศไทย มีพรมแดนติดต่อกัน นอกจากนี้ยังมีในเรื่องการส่งต่อผู้ป่วย ก็ไม่ง่ายอีกเช่นกันว่าจะไปรักษาที่ไหน เพราะประเทศไทยเรื่องการรักษาพยาบาลดีสุดใกล้ที่สุด ส่วนความเตรียมพร้อมที่จะรับแรงงาน กัมพูชากลับจากประเทศไทยก็ลำบากอีกเช่นกัน เพราะภายในประเทศกัมพูชาไม่มีงานเพียงพอที่จะรองรับ ไม่เช่นนั้นคนกัมพูชาไม่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งมาตรการต่างๆ ที่ทางกัมพูชากำหนดขึ้นมา ไม่ง่ายที่จะนำไปสู่การปฏิบัติ แต่เขาใช้ปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุก เพื่อให้เห็นว่าพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับไทย จะเห็นได้ว่า

" เมื่อเขารุก เรารุกกลับ เขาตั้งรับและพลิกเกมใหม่ เรียกว่า การปฏิบัติการจิตวิทยาเชิงรุก แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่เห็น ว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ แต่หวังให้มีการสื่อสาร เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าไม่กลัวหรือเกรงใจ ฝ่ายไทย" พลโทภราดร กล่าว

เมื่อถามว่ามีการพูดถึงเรื่องการวอล์คเอาท์ ในการประชุม จีบีซี วันที่14 มิ.ย.นี้ มีความเป็นไปได้หรือไม่ พลโทภราดร กล่าวว่า มีโอกาสเป็นไปได้ และอาจจะยังไม่ถึงการเสนอมาตรการกดดัน ทันทีที่เขาสังเกตได้ เขาก็จะยืนยันถึงจุดยืนของเขา คือขึ้นศาลโลก ซึ่งสิ่งที่บอกเหตุ ยังไม่มีว่าเขาจะยอมถอยเพื่อมาพูดคุยกับเรา เพียงแต่ทางฝ่ายไทยยืนยันว่า จะพูดคุยในเวทีทวิภาคีเท่านั้น ต้องไปประเมินสถานการณ์ในหน้างาน ว่าตึงเครียดมากน้อยเพียงใด ต้องดูปฏิกิริยาทางฝ่ายกัมพูชา 

เมื่อถามว่าทางฝ่ายกัมพูชาได้เตรียมอพยพคนตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา สะท้อนอะไรหรือไม่
พลโทภราดร กล่าวว่า ใช่ นี่คือมาตรการข้อสุดท้าย 

เมื่อถามว่ามองไกล ไปถึงขั้นไหน หากการประชุม 14 มิ.ย.นี้มีการวอล์คเอาท์ บรรยากาศตึงเครียด ชายแดนไทยกัมพูชาจะเป็นอย่างไร พลโทภราดร กล่าวว่า จะตึงเครียดหรือไม่ ให้สังเกตที่การปิด-เปิดด่านของ ทั้งสองฝ่าย ว่ามีความเข้มข้นขึ้นระดับใด คือสิ่งบอกเหตุ จะมีการลุกลาม ที่จะต้องอพยพประชาชนตามแนวชายแดน ไปในสถานที่ที่ปลอดภัย