ศาลไต่สวนคดี 'ทักษิณ'รักษาตัวชั้น 14 'ชาญชัย-หมอตุลย์'ร่วมฟัง

ศาลไต่สวน คดีทักษิณรักษาตัวชั้น 14 ด้าน "ชาญชัย" เผย วันนี้มาในฐานะผู้ร่วมฟัง ส่วน"หมอตุลย์" ชี้การบังคับคดีไม่ใช่เรื่องของกรมราชทัณฑ์ฝ่ายเดียว
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก แต่ได้มีการส่งตัวนายทักษิณไปพักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยก่อนหน้านั้นนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯเพื่อขอให้ไต่สวนกรณีดังกล่าว แต่ศาลเห็นว่านายชาญชัยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีจึงให้ยกคำร้อง แต่เมื่อศาลฎีกาฯเห็นว่า อาจมีการบังคับโทษที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด จึงมีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องไปยังโจทก์ อย่างอัยการสูงสุด และป.ป.ช. และนายทักษิณจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551, จำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552 และจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 ให้ชี้แจงข้อเท็จจริง และส่งสำเนาคำร้องไปยังผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง
ขณะที่นายชาญชัย เปิดเผยว่า วันนี้ก็จะเข้ามาฟังการไต่สวน ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมอยากจะแจ้งให้ศาลทราบทีหลัง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการหาข้อเท็จจริงเพราะตนได้ส่งคำร้องพร้อมข้อเท็จจริงมาให้ศาลเยอะมาก ก็ต้องรอดูคำสั่งศาลอีกที ซึ่งวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เรามาส่งรายละเอียดคำร้องไว้ อย่างไรก็ตามการไต่สวนวันนี้ศาลให้ตนเป็นคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ในขณะที่ผู้ร้องและศาลนำสำนวนของตนมาพิจารณา ตนอยากจะฟังว่ามีการแก้ไขอะไรหรือเปล่า หากไม่ตรงจะได้บันทึกให้ศาลทราบคดีวันนี้จะทำให้ขบวนการเป็นกฎหมาย เป็นระบบ บ้านเมืองจะได้มีขื่อมีแป คนอื่นจะได้ไม่มาถูกดูถูกเรา
ส่วนที่ นายวิญญัติ ทนายทักษิณ ชินวัตร ยื่นขยายระยะเวลาส่งเอกสารก็เป็นสิทธิ์ของเขา หมายที่ศาลส่งไปที่บ้านนายทักษิณอาจจะล่าช้ากว่ากำหนดจึงใช้สิทธิ์ตรงนี้ได้ โดยหลักแล้วศาลจะให้ความเป็นธรรมกับจำเลยมาก ไม่มีอะไรผิดปกติ
ทุกอย่างเป็นดุลย์พินิจของศาลที่จะใช้เวลาในการนัดคำสั่ง แล้วคดีนี้ไม่ใช่คดีใหม่ เป็นคดีที่ศาลเคยตัดสิน แล้วหน่วยงานเกี่ยวข้องจะปฏิบัติตามคำสั่งตัดสินไปแล้ว มีการจำคุกตามหมายศาลจริงหรือไม่ เป็นการหาความจริงในการจำคุก ไม่ต้องเริ่มคดีอะไรใหม่แค่หาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และศาลให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจง ศาลก็จะพิจารณาว่าจริงหรือไม่ ท่านจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนการลงโทษของแพทย์จะมีส่วนเชื่อมโยงกันหมดแต่ศาลคงจะใช้ดุลย์พินิจ กับทุกอย่างที่เป็นองค์ประกอบศาลจะดูหลักกฏหมายว่าที่ศาลสั่งไปแล้วตาม ป.วิ อาญาแล้วกฎหมายที่ทางราชทัณฑ์ที่นำมาใช้ในการดำเนินการส่งตัวนักโทษ ทางกรมราชทัณฑ์มาอธิบายให้ศาล และศาลจะเป็นคนพิจารณาเองอีกทีว่าการที่มีคำตัดสินลงโทษจำคุกหนึ่งปีได้ เข้าคุกหนึ่งปีจริงไหมศาลคงพิจารณาเอง ทั้งนี้ศาลสั่งห้ามไม่ให้ตนเปิดเผยคำร้อง ดังนั้นจึงไม่อาจก้าวล่วงศาลได้ในการนัดฟังคำสั่ง
ตนเพียงมาเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มเติมรายละเอียดให้ เรื่องนี้ศาลเป็นผู้เสียหายโดยตรงจึงให้ทุกฝ่ายมาชี้แจงว่าตั้งแต่อัยการ ป.ป.ช. มีเรื่องร้องเรียนอะไรหรือไม่แล้วศาลตัดสินแล้วได้จำคุกจริงหรือไม่ ก็ต้องชี้แจงกันมาส่วนทางราชทัณฑ์ทำหน้าที่ในการบริหารโทษถูกต้องหรือไม่ แพทย์มีหน้าที่ให้ความเห็นทางการรักษาแพทย์ป่วยจริงหรือไม่ นอนโรงบาล 180 กว่าวันป่วยจริงหรือไม่ก็ต้องให้ชี้แจงพร้อมกับนำพยานหลักฐานมาส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นยังไง ศาลก็จะซักไซ้เชิญบุคคลที่สามมาผู้ชี้แจงมาให้ข้อมูลได้
ด้าน นายตุลย์ สิทธิสมวงศ์ กล่าวว่า มีบางฝ่ายออกมากล่าวว่า การบังคับคดีเป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นเรื่องของฝ่ายบริหารด้วย ซึ่งการบังคับคดี กรมราชทัณฑ์ เรือนจำ และศาลจะมีอำนาจคอยติดตามว่าการบังคับคดีนี้ทำได้ถูกต้องหรือเปล่า ในกรณีนี้เมื่อนายชาญชัยพบเห็นว่ายังไม่มีการบังคับคดีอย่างถูกต้อง จึงมาร้องเรียนตามข้อบังคับข้อที่ 62 ต่อทั้งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าบุคคลใดที่มีการพบเห็นว่ามีการกระทำความผิด ระหว่างการบังคับคดี สามารถเข้ามาร้องต่อศาลได้ การบังคับคดีจึงไม่ใช่เรื่องของกรมราชทัณฑ์ เพียงฝ่ายเดียว ศาลยังมีอำนาจอยู่







