งัดผลสอบ มท.สอย ‘สุชาติ’ ปล่อยซื้อตึก Skyy9 แพงเกินจริง?

งัดผลสอบ “มหาดไทย” ยื่น ป.ป.ช.สอย “สุชาติ ชมกลิ่น” เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.แรงงาน ถูก 2 “หัวหอกสีส้ม” ยื่นสอยพ้นตำแหน่ง ปมกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้ “กองทุนประกันสังคม”
KEY
POINTS
- งัดผลสอบ “มหาดไทย” ยื่น ป.ป.ช.สอย “สุชาติ ชมกลิ่น” เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.แรงงาน
- ถูก 2 “หัวหอกสีส้ม” ยื่นสอยพ้นตำแหน่ง ปมกล่าวหาปล่อยปละละเลยให้ “กองทุนประกันสังคม” ควักงบกว่า 6.9 พันล้านบาท ซื้อตึก Skyy9 ส่อแพงเกินจริงหรือไม่
- เหตุผลสอบสวน “มหาดไทย” ชี้ชัด ราคาประเมินด้วยกระแสเงินสด ราคาตึกควรอยู่ที่ 3.4-3.8 พันล้านบาท เท่านั้น
- นอกจากนี้ยังพบสารพัดข้อพิรุธ ทั้งเร่งรีบ ตั้ง “ทรัสต์” เข้าซื้อส่อผิดปกติ
นัดดีเดย์ 13 มิ.ย.นี้ สำหรับ 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) นำโดย “เนม” สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี และ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. โดยทั้ง 2 คน เตรียมหอบพยานหลักฐานเอกสารข้อมูลต่าง ๆ ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ รมว.แรงงาน กรณีปล่อยปละละเลยให้ “กองทุนประกันสังคม” ควักงบประมาณไป ซื้อตึก Skyy9 แพงเกินจริงถึง 2 เท่า
สำหรับ “สุชาติ” และ 2 “หัวหอกสีส้ม” ดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กันมาหลายเดือน นับตั้งแต่ “ไอซ์-เนม” เริ่มรุกคืบไล่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ไล่เรียงมาตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทั้ง “เว็บแอป” 850 ล้านบาท การจัดทำแอป SSO+ กว่า 275 ล้านบาท การผลิตปฏิทิน 10 ปีงบประมาณหลังสุดเฉียด 600 ล้านบาท เป็นต้น
กระทั่งเข้ามาตรวจสอบกรณีการใช้ “งบประมาณกองทุนประกันสังคม” ที่พบว่า อาจไม่ชอบมาพากล เนื่องจากอนุมัติงบกว่า 6.9 พันล้านบาท ไปตั้ง “กองทุนทรัสต์” เพื่อซื้อ “บริษัท” ให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 ซึ่งเสี่ยงซื้อราคา “แพงเกินจริง” รวมถึงความคุ้มค่าในการนำเงินของผู้ประกันตนไปลงทุนในอาคารแห่งนี้ จะได้คืนเมื่อไหร่
ทั้งนี้ในช่วงกระบวนการตรวจสอบ “สุชาติ” เดินหน้าฟ้องหมิ่นประมาท “เนม-ไอซ์” 2 สส.ปชน.ดังกล่าว ปัจจุบันกระบวนการอยู่ระหว่างไต่สวนในชั้นศาลอาญา โดย “สุชาติ” เดินทางไปให้ถ้อยคำแก่ศาลแล้วเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดีพลันที่ 2 สส.ปชน.เดินหน้าลุยตรวจสอบกองทุนประกันสังคมควัก 6.9 พันล้านบาทซื้อ ตึก Skyy9 ดังกล่าว นำไปสู่การเรียกร้องจากสังคม ให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยด่วน นำไปสู่ 2 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงแรงงาน ในฐานะ “ผู้บังคับบัญชา” ของ สปส. และ “กระทรวงมหาดไทย” เข้าไปตรวจสอบ
ช่วงต้น มิ.ย.ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าผลการสอบสวนเรื่องนี้ โดย “มหาดไทย” ได้สรุปผลสืบสวนดังกล่าว และ “อนุทิน” ลงนามเซ็นคำสั่งไปยัง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน ให้ดำเนินการตามผลสอบนี้โดยเร็ว
โดยบทสรุปการสืบสวนข้อเท็จจริง การเข้าลงทุนกองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเชท (Prime Asset Private Equity Trust) กรณีอาคาร Skyy9 สรุปข้อเท็จจริงได้ว่า
1.การดำเนินการลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust มีความเร่งรีบผิดปกติ สำนักงานประกันสังคมดำเนินการประชุมคณะกรรมการลงทุน และคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ก่อนที่ประกาศคณะกรรมการประกันสังคมฯ จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นและ สาธารณชนไม่อาจทราบข้อมูลดังกล่าว
บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ได้เสนอหนังสือให้รับทราบลงนามสัญญาก่อตั้งทรัสต์ในวันที่คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนนอกตลาดมีมติรับทราบผลการทบทวน ซึ่งสำนักงานประกันสังคมโดยเลขาธิการสำนักงาน (บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน) รับทราบและลงนามในสัญญาก่อตั้งทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท (Prirne Asset Prate Equity Trust) วันถัดไป โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการตรวจสอบสัญญาการก่อตั้งทรัสต์ มิได้มีการสอบทานความถูกต้องของการประเมินทรัพย์สินและตรวจสอบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแต่ประการใด
2.การพิจารณาแผนการลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust แม้มีข้อสังเกตหลายประการจากคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง แต่กลับไม่มีการเชิญบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้เชิญชวนมาชี้แจงข้อมูลโดยตรง มีเพียงเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ เป็นผู้ชี้แจงแทน และมีข้อมูลคลาดเคลื่อนการเชิญชวน เช่น การอ้างว่าอาคาร Skyy9 ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green แต่ความเป็นจริงนั้นยังไม่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
พฤติการณ์แห่งการกระทำในกระบวนการพิจารณานำเงินกองทุนประกันสังคมเข้าลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust ได้แสดงให้เห็นถึงความรีบเร่ง ไม่มีการตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเหมาะสม คุ้มค่า ของการลงทุนที่ต้องใช้ความละเอียครอบคอบก่อนการตัดสินใจลงทุน จำนวนเงินที่ได้ลงทุนดังกล่าวเมื่อเทียบกับผลการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของคณะทำงานประเมินและคำนวณมูลค่าการเข้าลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อาคาร Skyy9 และสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเช่นเดียวกันแล้ว มีมูลค่าที่แตกต่างกันมาก
เชื่อว่าการลงทุนในกองทรัสต์ Prime Asset Private Equity Trust ในส่วนของการลงทุนในหุ้นของบริษัท AGRE101 จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด) เจ้าของกรรมสิทธิ์ในโครงการ Cas Centre หรืออาคาร Skyy9 มีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง อันเป็นพฤติการณ์ที่มีการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังอันสมควรตามที่วิญญูชนโดยทั่วไปควรจะพึงมีและกระทำ ขาดความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติราชการ เป็นเหตุให้กองทุนประกันสังคมได้รับความเสียหาย
มีรายงานด้วยว่า ในผลการสืบสวนกระทรวงมหาดไทย ได้วิเคราะห์ราคาตึก Skyy9 โดยใช้วิธีจากกระแสเงินสดคิดลด พบว่าควรมีราคาในช่วงซื้อขายประมาณ 3.4-3.8 พันล้านบาทเศษเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง หากเทียบราคาที่กองทุนประกันสังคม ตั้งทรัสต์ไปลงทุนซื้อบริษัทให้ได้มาซึ่งตึก Skyy9 มูลค่ากว่า 6.9 พันล้านบาท
ก่อนหน้านี้ กรุงเทพธุรกิจนำเสนอข้อมูล และขยายผลการตรวจสอบพบข้อเท็จจริงว่า “กองทุนทรัสต์” ที่อนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด ตัดสินใจใช้งบเฉียด 7 พันล้านบาทไปซื้อ “บริษัท” เพื่อให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 (เดิมคืออาคาร Cas Centre) คือ บริษัท ไพร์ม ไนน์ เรียลเอสเตท จำกัด โดยมีบริษัท ไพร์ม เซเว่น จำกัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ ขณะที่ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดใน “ไพร์ม เซเว่น” คือ กองทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุนไพร์ม แอสเซท โดย บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะทรัสตี เป็นกองทุนของประกันสังคม
โดยข้อมูล “อินไซด์” วงประชุมที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติวงเงินราว 7 พันล้านบาท เพื่อเข้าไปซื้อ “บริษัท” ให้ได้มาซึ่งอาคาร Skyy9 มีวงประชุมที่เกี่ยวข้อง 3 วง ได้แก่ คณะกรรมการลงทุน (Investment Committee) หรือ “บอร์ดลงทุน” มี “บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์” เลขาธิการ สปส. (ขณะนั้น ปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน) เป็นประธาน) คณะอนุกรรมการการลงทุน และคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนสินทรัพย์นอกตลาด โดยทั้ง 3 วงดังกล่าวได้หารือเกี่ยวกับการลงทุนอย่างน้อย 3 ครั้ง ระหว่างเดือน ส.ค.-พ.ย. 2565 ก่อนชงบอร์ดกองทุนประกันสังคม (บอร์ดใหญ่) ตัดสินใจเคาะลงทุนให้ได้มาซึ่งตึก Skyy9
ในส่วนการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศนั้น เมื่อก่อตั้ง “กองทุนทรัสต์” ขึ้นมาแล้ว ได้แต่งตั้งให้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เป็น “ผู้จัดการกองทรัสต์” และ “กรุงไทย” เป็น “ทรัสตี” โดย MFC คือ “ผู้เสิร์ฟข้อมูล” เกี่ยวกับการลงทุนในอาคาร Cas Centre (ชื่อเดิม Skyy9) ให้แก่ “บอร์ดลงทุน-อนุที่ปรึกษาฯ” พิจารณา ซึ่ง MFC มีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกอาคาร Cas Centre มาให้บอร์ดพิจารณา ก่อนจะมีการเคาะเลือกอาคารแห่งนี้มาทำเป็น Skyy9 ในเวลาต่อมา
นอกจากนี้ในไทม์ไลน์การซื้อขายตึกดังกล่าว เกิดขึ้นระหว่างปี 2561-2565 มีการเปลี่ยนมือเจ้าของ 3 คน ได้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด มหาชน (BAM) ขายต่อด้วยราคาราว 1 พันล้านบาท ให้กับบริษัท วอเตอร์เกท พาวิลเลี่ยน จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเครือข่าย “พร้อมทวีสิทธิ์-พร้อมพัฒน์” จากข้อมูลพบว่า ช่วงการซื้อขายตึกดังกล่าวนั้น ปรากฏชื่อคนสกุล “พร้อมทวีสิทธิ์” เข้าไปเป็นกรรมการ และผู้ถือหุ้น
ต่อมาในปี 2562 “วอเตอร์เกทฯ” ขายอาคารดังกล่าวต่อด้วยราคาราว 2,175 ล้านบาทให้แก่บริษัท เอจีอาร์อี 101 จำกัด ในเครือ “แคส แคปปิตอล” ก่อนนำมารีโนเวทใหม่ในชื่อ Cas Centre หลังจากนั้นในปี 2565 ได้ขายต่อให้กับ “กองทุนทรัสต์” ของ สปส. ซึ่งมีรายงานว่า สปส.ใช้งบราว 7 พันล้านบาทได้มาซึ่งอาคารนี้ ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น Skyy9 ในปัจจุบัน
ทั้งหมดคือกระบวนการซื้อขายตึก Skyy9 มูลค่ากว่า 6.9 พันล้านบาท นับตั้งแต่จุดเริ่มต้น จนถึงจุดที่ 2 สส.ปชน.เปิดโปงเรื่องราว และนำไปสู่การยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบอยู่ในตอนนี้
อย่างไรก็ดีบุคคลผู้ถูกกล่าวหาในเรื่องนี้ทั้งหมด ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีในชั้น ป.ป.ช. และชั้นศาล จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด ดังนั้นจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่