‘โอกาสใหม่’ โมเดล ‘กล้าธรรม’ ผ่า 3 ก๊ก รทสช. เกมต่อรองเก้าอี้รมต.

รทสช.แบ่งออกเป็น 3 ก๊ก ก๊กแรกหัวหน้าพีมี 7 สส. ก๊กสองเลขาฯขิงมี 10 สส. ก๊กสามสุชาติ - ออยแอนด์แก๊ส มี 18 สส. ปฏิบัติการวัดพลัง เพื่อช่วงชิงการนำและเก้าอี้รัฐมนตรี
KEY
POINTS
- พรรครวมไทยสร้างชาติ อยู่ในสถานะ “พรรคอกแตก” สส. ถูกแบ่ง ถูกแยกเป็น กลุ่ม-ก๊ก เนื่องจากศูนย์รวมใจอย่าง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หันหลังให้การเมืองไปก่อนหน้านี้
-
ก๊กแรก “หัวหน้าพี” มี สส. 7 คน ก๊กสอง “เลขาฯขิง” มี สส. 10 คน ก๊กสาม “สุชาติ-ออยแอนด์แก๊ส” มี สส. 18 คน
-
ปฏิบัติการของ 3 ก๊ก ที่วัดกำลัง เพื่อชิงอำนาจการนำ และการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อยู่ในสถานะ “พรรคอกแตก” สส. ถูกแบ่ง ถูกแยกเป็น กลุ่ม-ก๊ก เนื่องจากศูนย์รวมใจอย่าง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ หันหลังให้การเมืองไปก่อนหน้านี้
โดยส่งต่อบทบาทผู้นำให้กับ “หัวหน้าพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค รทสช. มี “เลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรค รทสช. เป็นแม่บ้านคอยเชื่อมต่อ “ทีม สส.”
ทว่าบรรยากาศภายใน “รทสช.” เริ่มเขม็งเกลียว ภายหลัง “พีระพันธุ์” เปิดศึกงัดข้อกับ “มาดามออย” พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค รทสช. พ้นจากเก้าอี้ผู้อำนวยการพรรค โดยตั้ง “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ มานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการพรรคแทน
อย่างที่รู้กันว่า “มาดามออย” เป็นตัวแทนของ “กลุ่มทุน” ทำให้เขามี สส. อยู่ในมือไม่น้อยเช่นกัน โดยผนึกกับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค รวมกลุ่มคู่หู “เฮ้ง - ออย” รวบรวมกำลังพล ก่อนจะเปิดเกมเขย่า “หัวหน้าพี - เลขาฯขิง”
ส่งผลให้การเมืองภายใน “รทสช.” แบ่งเป็น 3 ก๊ก จาก 36 สส.
ก๊กแรก “หัวหน้าพี” มี สส. 7 คน ประกอบด้วย 1.ชัชวาลล์ คงอุดม หรือ ชัช เตาปูน 2. ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู 3.วิทยา แก้วภราดัย 4.จุติ ไกรฤกษ์ 5.พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร สส.นครปฐม 6.พงษ์มนู ทองหนัก สส.พิษณุโลก 7. สัญญา นิลสุพรรณ สส.นครสวรรค์
ก๊กสอง “เลขาฯขิง” มี สส. 10 คน ประกอบด้วย 1. เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 2. ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง 3. อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี 4. นิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.พัทลุง 5.วิชัย สุดสวาสดิ์ สส. ชุมพร 6.สันต์ แซ่ตั้ง สส. ชุมพร 7. สุพล จุลใส สส. ชุมพร 8.กานสินี โอภาสรังสรรค์ สส. สุราษฎร์ธานี 9. วชิราภรณ์ กาญจนะ สส. สุราษฎร์ธานี 10.ธานินท์ นวลวัฒน์ สส.สุราษฎร์ธานี
ก๊กสาม “สุชาติ-ออยแอนด์แก๊ส” มี สส. 18 คน ประกอบด้วย 1.สุชาติ ชมกลิ่น 2.พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ 3.ธนกร วังบุญคงชนะ 4.เกรียงยศ สุดลาภา 5. ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ 6. เกชา ศักดิ์สมบูรณ์ 7. ศาสตรา ศรีปาน สส. สงขลา 8. พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล สส. นครศรีธรรมราช
9. วัชระ ยาวอหะซัน สส. นราธิวาส 10. พันธ์ศักดิ์ บุญแทน สส.สุราษฎร์ธานี 11.ปรเมษฐ์ จินา สส. สุราษฎร์ธานี 12. พิพิธ รัตนรักษ์ สส. สุราษฎร์ธานี 13. ถนอมพงษ์ หลีกภัย สส. ตรัง 14. กุลวดี นพอมรบดี สส.ราชบุรี 15. ธิวัลรัตน์ อังกินันทน์ สส.เพชรบุรี 16. จ.อ.อภิชาติ แก้วโกศล สส.เพชรบุรี 17. จิรวุฒิ สิงโตทอง สส. ชลบุรี 18. อนุชา นาคาศัย สส. ชัยนาท
ขณะที่ “สส.เจมส์” อนุชา บูรพชัยศรี สส.บัญชีรายชื่อ รายเดียว ที่ยังลังเลว่า จะเลือกอยู่ในก๊กใด ท่ามกลางศึก “สามก๊ก” พรรครวมไทยสร้างชาติ
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ชัดเจนแล้วว่า “ก๊กหัวหน้าพี - ก๊กเลขาฯขิง” ผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่น ทำให้จำนวน สส."ก๊กพี - ก๊กขิง" มีรวมกันอย่างน้อย 17 คน โดยมีความพยายามเปิดดีล เปิดโอกาสให้ “สส.”นอกกลุ่ม กลับใจเข้ามาสมทบเพิ่มเติม
ส่วน “ก๊กเฮ้ง - ออยแอนด์แก๊ส” มีจำนวน 18 คน โอกาสจะเพิ่มเติมจำนวนมีน้อย จึงจำเป็นต้องตรึง สส.ที่มีอยู่เอาไว้ ไม่ให้โดนก๊กพี - ก๊กขิง มาชิงตัวไปได้
โดยหลังจากนี้ ให้จับตา“โมเดลกล้าธรรม” ซึ่งเคยทำสำเร็จในศึกเขี่ย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
ปฏิบัติการของพรรคกล้าธรรม “ผู้กองมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม วางเกมเปลี่ยนชื่อพรรคเศรษฐกิจใหม่ มาเป็นพรรคกล้าธรรม ส่ง “รมต.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ไปดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
พร้อมกับเปิดตัว สส. กล้าธรรม 4 คนแรก ประกอบด้วย “กฤดิทัช แสงธนโยธิน” สส.บัญชีรายชื่อ ถูกขับออกจากพรรคใหม่ “เชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ” สส.บัญชีรายชื่อ ถูกขับออกจากพรรคพลังสังคมใหม่ “บัญชา เดชเจริญศิริกุล” สส. บัญชีรายชื่อ ถูกขับออกจากพรรคท้องที่ไทย “ปรีดา บุญเพลิง” สส. บัญชีรายชื่อ ถูกขับออกจากพรรคครูไทยเพื่อประชาชน
“ธรรมนัส” วางเกมให้ “พรรคกล้าธรรม” เป็นพรรคการเมืองที่มีที่นั่งในสภาฯ ก่อนจะระดม 20 สส. ซึ่งขณะนั้นสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ไปนั่งร่วมเฟรมถ่ายรูปกับป้ายพรรคกล้าธรรม ก่อนปฏิบัติการใต้ดิน บีบ “บิ๊กป้อม” จนยอมขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ เปิดทางไปสังกัดพรรคกล้าธรรมอย่างเป็นทางการ
ทว่า โมเดลของ “ธรรมนัส - กล้าธรรม” ซึ่งถูกมองว่าอาจจะเกิดขึ้นกับ “รทสช.” แต่ติดปัญหาอยู่ที่ “พรรคโอกาสใหม่” ยังนับหนึ่ง สส. ในสภาฯ ไม่ได้ ทำให้การที่จะสร้างแรงขับทางการเมืองในโมเดลดังกล่าวทำได้ยาก
อีกทั้งยังมีความต่าง เมื่อโมเดลพรรคกล้าธรรม เป็นการแยกจากฝ่ายค้านมาอยู่ฝ่ายรัฐบาล จึงมีราคาที่เพื่อไทยยอมจ่าย ขณะที่รวมไทยสร้างชาติ แม้จะพยายามแยกตัวออกมาเป็นพรรคใหม่ แต่ต่างฝ่ายอยู่ในขั้วรัฐบาล ยังไม่มีผลต่อสมการการเมืองใดๆ เพื่อไทยจึงไม่ได้ให้คุณค่ากับพรรคโอกาสใหม่ หากสามารถดูดสส.จากรวมไทยสร้างชาติ มาเป็นของตัวเอง
ที่สำคัญ สถานการณ์เวลานี้ มีโอกาสน้อยมากที่ “พีระพันธุ์ - เอกนัฏ” จะขับ 18 สส.ก๊ก “เฮ้ง - ออยแอนด์แก๊ส” ออกจากพรรค รทสช. เพราะรู้ดีว่า การขับออกยิ่งทำให้การขับเคลื่อน“พรรคโอกาสใหม่”ทำได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นปฏิบัติการของ “เฮ้ง-ออยแอนด์แก๊ส” อาจจะแตกต่างจากพรรค“กล้าธรรม” ที่พิฆาต“พลังประชารัฐ”ได้สำเร็จ ขณะที่“พีระพันธุ์-เอกนัฏ”สองดีเอ็นเอลุงตู่ เลือกใช้วิธีปราบกบฎ รทสช. ด้วยการขัง 18 สส.เอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้“พรรคโอกาสใหม่” ได้แจ้งเกิด







