‘5 ปมเสี่ยง’ รัฐบาลแพทองธาร ลุ้นไต่สวนคดีชั้น 14-งบน้ำฯ 68

เปิด 5 ปมเสี่ยง 'รัฐบาลแพทองธาร' ลุ้นไต่สวนคดีทักษิณชั้น 14-ล้วงลูกงบน้ำฯ 2568 ปมปรับครม.พรรคร่วมฯป่วน “ไทย-กัมพูชา”ยังตึงเครียด
KEY
POINTS
- เปิด ‘5 ปมเสี่ยง’ รัฐบาลแพทองธาร
- ลุ้นไต่สวนคดีทักษิณชั้น 14-ล้วงลูกงบน้ำฯ 2568
- ปมปรับ ครม.พรรคร่วมฯป่วน “ไทย-กัมพูชา” ยังตึงเครียด
เข้าสู่เดือนที่ 10 สำหรับ “รัฐนาวา” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงหลายนโยบาย ที่ยังมิได้ดำเนินการตามที่หาเสียงไว้ รวมถึงโดน “เกมการเมือง” เล่นงานอย่างหนัก ทั้งประเด็น “ชั้น 14” ของ “พ่อทักษิณ ชินวัตร” ที่ยังคาราคาซัง กรณี “พรรคร่วม” เขย่าปรับ ครม. ลากโยงไปถึงสถานการณ์ตึงเครียด “ชายแดนไทย-กัมพูชา” ในขณะนี้
ล่าสุด ราวพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น (ยังมิได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน) กรณีกล่าวหา “รัฐบาลแพทองธาร” ส่อจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง รวม 2 สำนวน แบ่งเป็น
1.กรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ คณะรัฐมนตรี(ครม.)ทั้งคณะ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 รวมไปถึง สส. และ สว. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 ดังกล่าว
โดยมีผู้ถูกกล่าวหา กว่าร้อยคน ตามการยื่นเรื่องร้องเรียนของ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ สมชาย แสวงการ อดีต สว. เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และนิติธร ล้ำเหลือ หรือ “ทนายนกเขา” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา
2.กรณีกล่าวหา สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยบรรดา สส.และอดีต สส.พรรคเพื่อไทย เช่น สาโรจน์ หงส์ชูเวช พิษณุ หัตถสงเคราะห์ จักรพงษ์ แสงมณี ที่ปรึกษานายกฯ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงในสำนักงบประมาณว่า มีพฤติการณ์ฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสอง
กรณีมีพฤติการณ์ใช้สถานะหรือตำแหน่งกระทำการสั่งการ บังคับ ก้าวก่าย หรือเข้าแทรกแชง ในการจัดทำงบประมาณ การอนุมัติงบประมาณ การบริหารงบประมาณ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 วงเงินราว 51,584 ล้านบาท ผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
เพื่อประโยชน์ของตนเอง และผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568
โดยทั้ง 2 สำนวนมีกรอบการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น 60 วัน โดยเฉพาะสำนวนกล่าวหา “แพทองธาร” กับพวกนั้น หากเห็นว่ามีมูล จะส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด หากสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการกระทำดังกล่าวผิดจริง น.ส.แพทองธาร รวมถึง ครม. และ สส. กับ สว.เกือบทั้งสภาฯ จะต้องพ้นจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี 2 ปมร้อนข้างต้น “แกนนำค่ายสีแดง” อย่าง “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอี) ในฐานะผู้อนุมัติเสนอที่ประชุม ครม.ไฟเขียวงบจัดการทรัพยากรน้ำ 5.1 หมื่นล้านบาท ให้สัมภาษณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง โดยเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง
ขณะที่ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และ รมว.คลัง ตอบโต้กลับข้อกล่าวหาในสำนวนแรกเช่นกันว่า การทำงบประมาณปี 2568 ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ดังนั้นคงต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกอย่างน้อย 60 วัน
ทว่าปมเสี่ยง “รัฐบาลแพทองธาร” ยังไม่หมดแค่นั้น หากหลายคนยังจำกันได้ กรณี “ตั๋วสัญญาใช้เงิน” หรือ “ตั๋ว PN” ในการซื้อขายหุ้นกว่า 4.4 พันล้านบาท แก่บุคคลในครอบครัวของ “แพทองธาร”
โดยถูก “ฝ่ายค้าน” นำโดย “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.)กังขา และนำไปสู่การซักฟอกในสภาฯ อย่างเผ็ดร้อนว่า เข้าข่ายทำ“นิติกรรมอำพราง” หลบเลี่ยงการจ่ายภาษีการรับให้กว่า 218.7 ล้านบาทหรือไม่
ปัจจุบันเรื่องนี้เหมือนจะเงียบหายไปจากกระแสสังคม ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่ และสาธารณชนเฝ้าติดตามอย่างหนัก ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ 2 หน่วยงาน ได้แก่ 1.สำนักงาน ป.ป.ช.ที่วิโรจน์ หอบพยานหลักฐานมายื่นหลังจบศึกซักฟอก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง
2.ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่กรมสรรพากร ซึ่งวิโรจน์ไปยื่นเรื่องร้องเรียนให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ชี้ขาดประเด็นนี้
อย่างไรก็ดี “ปิ่นสาย สุรัสวดี” อธิบดีกรมสรรพากร ลูกชาย “ปลอดประสพ สุรัสวดี” แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังอ้างว่าอยู่ระหว่างรอการชี้ขาดของคณะกรรมการฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวซักว่า เมื่อไหร่จะเริ่มดำเนินการ ปรากฏว่า “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง กลับยังไม่มีการตั้ง “ที่ปรึกษา” คณะกรรมการฯ ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ทำให้เรื่องนี้ยังคง “คาราคาซัง” อยู่จนถึงตอนนี้
ยังมีอีกหนึ่งปมร้อนในชั้น ป.ป.ช.เช่นกัน นั่นคือกรณี “รีสอร์ทหรู” เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ ถูก “ธีรัจชัย พันธุมาศ” สส.กทม. พรรค ปชน.อีกหนึ่งมือดีค่ายสีส้ม ซักฟอกกลางสภา ขุดหลักฐานว่า โฉนดที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคอง เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ให้สงวนหวงห้ามไว้ ไม่ให้มีการเข้าไปทำประโยชน์และไม่ให้ออกเอกสารสิทธิใด ๆ ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเช่นกัน
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ “คดีชั้น 14” ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวน 13 มิ.ย.นี้ โดยให้ฝ่ายโจทก์คือ คตส.มี ป.ป.ช.เป็นผู้แทน และ “จำเลย” คือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ซึ่งเคยเป็นจำเลยต้องโทษตามคำพิพากษาคดีทุจริต 3 คดี ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี และเพิ่งพ้นโทษเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทว่า เมื่อความปรากฏต่อศาลว่า อาจมีการบังคับตามคำพิพากษาที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้ ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวน และมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2560 มาตรา 6
สาระสำคัญที่คาดกันว่า ศาลจะไต่สวนเรื่องดังกล่าวคือ การบังคับโทษ“จำคุก”ของ“ทักษิณ” เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯหรือไม่
ดังนั้นเพื่อปิดฉากมหากาพย์ “ชั้น 14” คงต้องรอจับตาคำสั่ง หรือคำวินิจฉัยของศาลฎีกาฯ ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้
เบื้องต้น“ทักษิณ” จะไม่ไปศาลด้วยตัวเอง แต่จะมอบหมายทนายความไปแทน ขณะที่ตัวแทนฝั่ง ป.ป.ช. ได้เตรียมพยานหลักฐาน และเอกสาร รวมถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ไว้พร้อมสรรพแล้ว
ล้อไปกับ “แพทยสภา” มีมติลงโทษ “3 หมอ” ที่รักษา “ทักษิณ ชินวัตร” ในชั้น 14 รพ.ตำรวจ หลังจากถูกย้ายมาจาก รพ.ราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันแรกที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 3 คดีทุจริต แม้ขณะนี้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ในฐานะ “นายกพิเศษ” แพทยสภา จะมีสิทธิ์ “วีโต้” มติแพทยสภาดังกล่าว แต่แพทยสภามีสิทธิ์ไม่รับวีโต้ดังกล่าวได้ หากเหตุผลไม่มากพอ ทั้งนี้ผลการชี้ขาดประเด็นดังกล่าวจะเกิดขึ้น 12 มิ.ย.นี้ ก่อนที่ศาลฎีกาฯนัดไต่สวน “ทักษิณ” 13 มิ.ย.
ทั้งหมดคือ 5 ปมเสี่ยงล่ม “รัฐนาวาแพทองธาร” ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองร้อนช่วงเดือน มิ.ย. ทั้งประเด็น ปรับครม.ที่ส่อป่วน พรรคร่วมรัฐบาลแตกหัก คดีฮั้ว สว.ใกล้ถึงจุดไคลแมกซ์ และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด ในเวลานี้







