‘มาริษ’ ย้ำหลักการยูเอ็น สุดท้ายหนีไม่พ้น‘คุยทวิภาคี’

รัฐมนตรีต่างประเทศแจ้งผลประชุม JBC ฝ่ายไทยครั้งที่ 2 สั่งการบ้าน 14 มิ.ย. ขยายผลลดความตึงเครียด ย้ำกลไกทวิภาคีดีสุด แม้แต่ยูเอ็นก็ต้องให้สองประเทศไปคุยกัน
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม JBC ฝ่ายไทยครั้งที่ 2 โดยเชิญประธานคณะกรรมาธิการ ท่านทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัยมาหารือและมอบนโยบายการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา ในวันที่ 14 มิ.ย. มีหลักการสำคัญดังนี้
1. อยากให้คณะผู้แทนไทยได้โน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชาได้ตระหนักว่า ไทยได้แก้ไขลดความตึงเครียดในพืิ้นที่ลงไปแล้วระดับหนึ่ง ตนขอขอบคุณฝ่ายทหารที่ช่วยเจรจาจนลดการเผชิญหน้าลงได้ จึงอยากให้คณะกรรมการ JBC ทั้งสองฝ่ายได้ขยายผลให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขจริงๆ
นายมาริษย้ำถึงความสำคัญของกลไกทวิภาคีทั้งสามกลไก ได้แก่ JBC (Joint Boundary Commission: คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม) GBC (General Border Committee: คณะกรรมการชายแดนทั่วไป) และ RBC (Regional Border Committee: คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค) เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ตนอยากเห็นกลไกทั้งหมดต่อยอดและขยายผลหลังจากที่ทหารได้ลดความตึงเครียดลงไปแล้ว
“ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร และนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้พูดคุยกันมาโดยตลอด”
2. อยากให้การเจรจา JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในเรื่องเขตแดน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจร่วมกัน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
3. สำคัญที่สุด การเจรจาต้องยืนยันเรื่องอธิปไตยของประเทศไทย ไม่ยอมให้ไทยเสียดินแดนโดยเด็ดขาด
“การแก้ไขปัญหาระหว่างกันภายใต้กรอบองค์การสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศมีหลายวิธี แต่ท้ายที่สุดองค์การสหประชาชาติมักขอให้ประเทศที่มีปัญหาไปเจรจากันสองฝ่าย นั่นคือใช้กลไกทวิภาคี เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมที่สุด”
รมว.ต่างประเทศยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้ยอมรับอำนาจศาลโลก (ICJ) มาตั้งแต่ พ.ศ.2503 แต่จะใช้กรอบการหารือทวิภาคี
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุปะทะนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมบูรณาการแนวทางการหารือกับฝ่ายกัมพูชา ทำให้มาตรการทางการทูตดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ การเจรจาทางทหารส่งผลเป็นอย่างดี เป็นการใช้วิธีการอันถูกต้อง นั่นคือ กลไกทวิภาคี ลดการเผชิญหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“หลังจากบูรณการกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศได้ใช้มาตรการทางการทูตตามหลักสากลอย่างเข้มข้น ตามที่นานาอารยประเทศใช้กันครบถ้วนทุกประการจากน้อยไปหามาก” นายมาริษกล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการอธิบายต่อนานาชาติ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยชี้แจงจุดยืนกับนานาชาติมาโดยตลอด เพื่อให้ทุกประเทศได้เข้าใจข้อเท็จจริง โดยพยายามโน้มน้าวว่า ไทยยืนยันใช้กลไกทวิภาคี ไม่ประสงค์ให้องค์กรอื่นใดเข้ามาเป็นภาคีฝ่ายที่ 3 ในการแก้ไขปัญหา ทุกประเทศล้วนใช้วิธีนี้
“ท่านคงได้ยินเสมอเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น องค์การสหประชาชาติก็จะแนะนำว่า ให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้น และใช้การเจรจาทวิภาคีเป็นหลัก” นายมาริษสรุป







