'รมช.กลาโหม' เฝ้าระวัง กำลังระลอก 2 สงวนมาตรการเปิด-ปิดด่าน ดูท่าทีกัมพูชา

'รมช.กลาโหม' เฝ้าระวัง กำลังระลอก 2 สงวนมาตรการเปิด-ปิดด่าน ดูท่าทีกัมพูชา

รมช.กลาโหม แถลงอัพเดทชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ปรับกำลังไปอยู่จุดเดิมปี67 แต่มีกำลังระลอก2 จำต้องคงมาตรการเปิด-ปิดด่าน ประเมินท่าทีกัมพูชา

10 มิ.ย.2568 ที่ ทำเนียบรัฐบาล พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม แถลงข่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตนขอตัดตอนไปในเหตุการณ์วันที่ 5 มิถุนายน นายกฯได้มอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชชัยชัย รองนายกฯรมว.กลาโหม ไปพบปะกับรมว.กลาโหมกัมพูชา เราได้ชี้ให้ทางฝ่ายกัมพูชาได้เห็นถึงสองประเด็น การมีกำลังประเชิญหน้าอยู่ที่ช่องบกเสี่ยงเกิดการประทะตลอดเวลา และกรณีที่กัมพูชาเตรียมจะยกเรื่องอธิปไตยไปสู่ศาลโลก ก็ว่าไปตามขั้นตอน แต่ไทยอยากให้เข้าสู่กระบวนการทวิภาคี

โดยฝ่ายไทยขอให้มีการปรับกำลังไปอยู่ในจุดเดิมเมื่อปี 2567 ต่อมาวันที่ 6 มิ.ย.ได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)เพื่อให้ทุกส่วนได้กำหนดแนวทางปฏิบัติ ในวันนั้นทางกองทัพและสมช.เสนอให้มีการเปิดปิดด่านบางจุด โดยสมช.มองว่าการเพิ่มมาตรการมีความสำคัญ เนื่องจากทหารกัมพูชาเคลื่อนกำลังมาบริเวณตามแนวชายแดนมีความสุ่มเสี่ยง เกิดเหตุไม่พึงประสงค์ส่งผลกระทบความปลอดภัยของประชาชน

แต่ก็คำนึงถึงประชาชนประกอบอาชีพ  จึงยังไม่ใช้มาตรการเปิดปิดจุดผ่านแดน ซึ่งทาง สมช.ได้กำหนด ขั้นตอนการปฎิบัติขประกอบด้วย 

1.จำกัดการเข้าออกบุคคล ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวนักพนันผ่านแดน

2.จำกัดเวลา เช่นที่ปอยเปต ปรับเวลาลดลง 08.00 ถึง 16.00 จากเดิม 06.00 ถึง 24.00 

3.หากมีความจำเป็นปิดจุดผ่านแดนบางจุด 

4.คือปิดชายแดนตลอดแนว ตั้งแต่อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สระแก้ว ตราด หากมีความจำเป็นขั้นสูงสุด 

อย่างไรก็ตามในที่ประชุมสมช.ให้ความเห็นชอบทั้ง4ขั้นตอน แต่ได้ให้ความเห็นไปว่า กระทรวงกลาโหมและกองทัพ ให้หารือกับรัฐบาลก่อนเพื่อที่รัฐบาลจะได้ให้หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงต่างประเทศ ให้รอสัญญาณจากรัฐบาล 

แต่ภายหลังกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุจะไม่ถอนกำลังออกจากจุดปะทะ โดยทางรัฐบาลไทยมองว่าไม่มีความคืบหน้า นายกฯได้สั่งการให้ยกระดับ กองทัพจึงประกาศมาตรการเปิดปิดด่านในขั้นที่หนึ่งและขั้นที่สอง 

ส่วนกรณีที่จังหวัดจันทบุรีที่มีการนำเสนอข่าวว่ามีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ขอเรียนว่าอำเภอที่อยู่ติดชายแดนมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่แล้ว ด้วยอำนาจของกองทัพสามารถดำเนินการได้ทันที เพียงแต่ สมช.เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่สมควรที่จะใช้อำนาจกฎอัยการศึก จึงเป็นการใช้มติของ สมช. ให้ใช้กฎหมายปกติในส่วนที่เกี่ยวข้อง 

พลเอกณัฐพล ยังยืนยันว่า ปัจจุบันเรายังไม่ปิดจุดผ่านแดน ยกเว้นช่องทางธรรมชาติที่ปิดหมดแล้วเนื่องจากก่อนหน้านี้มีเรื่องการปราบปรามยาเสพติดและแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ภายหลังดำเนินการมาตรการไป1 วัน ทางรัฐบาลได้รับการติดต่อจากฝ่ายกัมพูชาผ่านทาง ผบ.ทบ. ตอบรับข้อเสนอของไทยเรื่องการปรับกำลังไปอยู่ในจุดเดิมปี 2567 

"กัมพูชาขอให้ดำเนินการเงียบๆ และประการที่สอง ทางกัมพูชาเสนออยากให้รัฐบาลทั้งสองฝ่าย เชิญชวนคนในประเทศไม่สร้างความเกลียดชังของคนทั้งสองประเทศ ด้วยการลดการให้ข้อมูลข้อเสนอต่างๆ โดยนายกฯได้แจ้งว่าให้สามารถดำเนินการได้ แต่การดำเนินการเงียบๆคงไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่จะพยายามอย่างเต็มที่รวมถึง การเชิญชวนประชาชนไม่แสดงความคิดเห็นที่นำไปสู่ความเกลียดชัง " พลเอก ณัฏฐพลกล่าวและว่า

จึงเป็นที่มาของการปรับกำลังและกลับไปอยู่ในจุดเดิมเมื่อปี 2567 ซึ่งยอมรับว่าเป็นแนวทางที่ดี ยืนยันว่าสถานการณ์ตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชายังไม่เปลี่ยนแปลง แม้กำลังเผชิญหน้าได้ปรับกำลังออกไปแล้ว แต่กำลังส่วนอื่นทั้งสองฝ่าย ยังอยู่ที่เดิมทั้งหมดนี่คือสิ่งอยากจะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ 

ยืนยันว่ามาตรการเปิดปิดด่านยังคงอยู่ เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด มาตรการดังกล่าวไม่ได้ใช้บังคับถึงวันที่ 14 มิ.ย. แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ อาจจะเร็วหรือช้ากว่านั้น สมช.จะประเมินอีกครั้ง โดยจะดูท่าทีจากฝ่ายกัมพูชา สำหรับฝ่ายไทยเน้นแนวทางสันติวิธีการพูดคุยอยู่แล้ว แต่ต้องประเมินท่าทีของฝ่ายกัมพูชาว่าพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ หากดีขึ้นก็จะมาพิจารณามาตรการเปิดปิดด่าน ทั้งนี้รัฐบาลมองในแง่ผลกระทบต่อประชาชน ในเรื่องการดูแลความปลอดภัยไม่ใช่มาตรการกดดัน แม้กำลังเผชิญหน้าจะปรับออกไปแล้วแต่ยังมีกำลังระลอก2 สถานการณ์อย่างละเอียดอ่อน