‘เอกนัฏ’ ชี้ เอกสารเถื่อน ล่าชื่อ 21สส.รทสช. ชง นายกฯ ‘ปรับครม.’

“เอกนัฏ” ข้องใจ เอกสารเถื่อน 21สส.รทสช. ลงชื่อชงนายกฯ ‘ปรับครม.’ หลัง มีคนปฏิเสธ ชี้ “สุชาติ” ด่าตัวเอง ไร้ความสามารถ ขู่ ปลุกปั่นพรรคแตกแยก ส่อขาดสมาชิกภาพ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความแตกแยกภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังมีเอกสาร21สส. ลงชื่อเสนอนายกรัฐมนตรี ปรับครม. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไร ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไป และไม่ทราบว่า สื่อหมายถึงเรื่องเอกสารหลุดหรือไม่ ซึ่งสามารถถามตนเองตรงๆ ได้เลย ทั้งนี้ เรื่องเอกสารหลุด ข้อเท็จจริงคือ ตนและนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค ทำงานมารู้ดีว่า จะต้องพบเจออะไร เช่น ตนไปจับล้อยางเถื่อน จับสายไฟ หรือปิดโรงงานเหล็ก ซึ่งเราต้องมุ่งมั่นในภารกิจที่ทำ แต่ในส่วนของเอกสารที่หลุดขออนุญาตตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเอกสารจริงหรือไม่ และไม่ทราบว่ามีการยื่นไปถึงนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่ เพราะมีหลายข้อพิรุธ หลังจากที่มีข่าวมามี สส. หลายท่านออกมาปฏิเสธ เท่าที่ตนเองตาม สส. ชุมพร 3 คนบอกว่าลงพื้นที่แล้วถูกคนด่า ทำให้คนเข้าใจผิด จึงต้องรีบออกมาชี้แจง และเห็นสิ่งผิดปกติคือมีลายเซ็นในรายชื่อออกมาปฏิเสธ
ส่วนในเอกสารเขียนว่ารัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่มีความรู้ ไม่มีความสามารถ ไม่มีจริยธรรม ซึ่งลงชื่อโดยนายสุชาติ ชมกลิ่น หนึ่งรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ทราบว่าจริงเท็จอย่างไร ว่า นายสุชาติ ลงนาม และเห็นข้อความในเอกสารหรือไม่ แต่หากเห็นแล้ว ก็แปลว่ากำลังรับรอง และด่าตัวเองอยู่ ว่าไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถ และขาดจริยธรรม ซึ่งก็ต้องไปถามนายสุชาติ ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
นายเอกนัฏ กล่าวว่า เท่าที่ตนเองดู มีคนบอกว่าหลายลายเซ็นไม่ตรงกับลายเซ็นในเอกสารราชการ เช่นเดียวกับนายสุชาติ และ สส. คนอื่น ลายเซ็นก็ไม่ตรงกับตอนสมัครสมาชิกพรรค มีการเซ็นย่อ ก็ผิดวิสัยการเซ็นเอกสารสำคัญแบบนี้ ตนเองยังไม่เห็น เอกสารฉบับจริง แต่ขนาดไฟล์รูปภาพยังแตกเลย เป็นการนำเอาลายเซ็นที่อื่นมาประกอบร่างในเอกสารแนบหรือไม่ และเอกสารก็ไม่มีความต่อเนื่อง ตนเองตั้งข้อสังเกตหลายเรื่อง ทั้งนี้ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องในพรรค ที่ต้องไปจัดการกันในพรรค ไม่ได้เกี่ยวข้องในเสถียรภาพ และความเป็นอยู่ของรัฐบาล
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยในเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการพูดคุยกันเพื่อเคลียร์ในเรื่องนี้นั้น ขณะนี้ตนเองให้โอกาส และสื่อสารผ่านสื่อมวลชนว่าต้องทำให้โปร่งใส หากใครมีรายชื่อปรากฏอยู่ในเอกสารฉบับนี้ แล้วเจตนาไม่ใช่การกดดันนายกรัฐมนตรี และไม่ได้มีเจตนาที่จะมาด่ารัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งหากไม่มีเจตนาแบบนั้น ตนว่าก็ต้องออกมาพูด
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนเองได้พูดคุยกับสส.ตั้งแต่ตอนที่มีภาพปรากฏว่าไปทานข้าว และมีการปั่นข่าวว่าเป็นภาพมาพูดคุยกันเพื่อจะย้ายพรรค แต่หลังจากนั้นก็มี สส. ที่ปรากฏอยู่ในภาพ ออกมาบอกว่าไม่เป็นความจริง และในวงไม่ได้พูดคุยกันเรื่องย้ายพรรค เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ ที่เริ่มมี สส. หลายท่านที่มีชื่อปรากฏอยู่ในเอกสารออกมาบอกว่า ไม่เป็นความจริง จึงอยากให้ดูว่าใครอยู่เบื้องหลังเอกสารเหล่านี้ วันนี้ที่ชัดเจนคือคนออกมาปฏิเสธแล้วใน 21 รายชื่อมีคนนำมาปฏิเสธไม่ต่ำกว่า 3 - 4 คน ถือเป็นเอกสารเถื่อนแล้วนะ
นายเอกนัฏ กล่าวถึงใครอยู่เบื้องหลัง ว่า ตนยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนรวบรวมรายชื่อเหล่านี้ แล้วนำมาประกอบร่างกันว่าเป็นใครจริงๆ แต่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าการทำงานของนายพีระพันธุ์ ในฐานะหัวหน้าพรรค และตนเองในฐานะเลขาฯ พรรค ไปสร้างศัตรูไว้เยอะ ตามที่ตนเองประกาศไว้ที่สภา ว่ามีการลงขันกันหลายร้อยล้านตนเองว่าวันนี้เผลอๆ มากกว่าเดิม ลงทุนฆ่าตนเอง ย้ายตนเอง ง่ายกว่าให้เราไปปรับคุณภาพของเขา ดังนั้น ภารกิจที่สำคัญของเขาคือการเอาตนเองออกให้ได้ ดังนั้น ก็วัดกันไปเลยตอนนี้ ตนไม่กลัวหรอก
ส่วนที่ สส. บางส่วนภายในพรรค อยากให้พรรคมีมติขับออก เพื่อที่จะไปอยู่พรรคใหม่นั้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครมาขอกรรมการบริหารให้ขับออกจากพรรคเลย ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของทุกท่าน เพราะอยู่ในรัฐธรรมนูญ อุดมการณ์ หรือจุดยืนของพรรค ยังเป็นไปตามเดิม ก็มีสิทธิ์ที่จะลาออกอยู่แล้ว แต่ตราบใดที่เป็นสมาชิกของพรรค ต้องปฏิบัติภายใต้ข้อบังคับ และกติกา และหากไปดูข้อบังคับพรรคดีๆ บางทีเราไปอ่านว่า ต้องมีการขับออกแล้วไปหาพรรคใหม่อย่างเดียว แต่ตนขอเตือนเลยว่า การกระทำที่มีความผิดตามข้อบังคับร้ายแรง เช่น การฝักใฝ่ฝ่ายอื่น เรื่องการผิดจริยธรรมร้ายแรง มีการไปบิดเบือนเอกสารปลุกปั่น ทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง สิ่งเหล่านี้อาจจะมีผลทำให้ขาดสมาชิกภาพของพรรค จึงอยากให้ไปดูดีๆ
เมื่อถามว่า จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบ 21 รายชื่อหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า อยากชวนสื่อมวลชนให้ไปสอบถามเจ้าตัว และคนในพื้นที่ไปสอบถาม สส. ของท่านว่าได้ลงนามเอกสารฉบับนี้จริงหรือไม่ ตนขอให้ไปถามนายสุชาติ ตนเองโทรไปท่านก็ไม่รับ ตนก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร สส. คนอื่นโทรไปรับ ขนาดคนที่ใกล้ชิดกับนายสุชาติ ก็โทรไปคุย ก็บอกว่ารักกันเหมือนเดิม รวมไทยสร้างชาติเหมือนเดิม ซึ่งก็ไม่น่าจะมีอะไร แต่นายสุชาติ ตนเองยังไม่ได้โทรคุยกัน ซึ่งมันแปลกว่าใครจะไปเซ็นชื่อมาปลดตัวเอง ด้วยเหตุผลที่บอกว่าตัวเองขาดคุณสมบัติ เรื่องความรู้ ความสามารถ และจริยธรรม มีใครจะมาเซ็นรับรองแบบนี้
นายเอกนัฏ กล่าวว่า การปรับครม. ต้องรอสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีก่อน ตนเองเคารพการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราอยู่ภายใต้พันธสัญญาที่มีต่อกันตั้งแต่ต้น ส่วนเรื่องจะปรับหรือไม่ปรับอย่างไรนั้น ก็เป็นกลไกของแต่ละพรรค ให้เป็นไปตามการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับพรรค บ้านเมืองก็มีกฎหมาย นี่คือกติกาของพรรคเรา
เมื่อถามย้ำว่า พอบอกได้หรือไม่ว่าในรายชื่อ 21 คนมีใครบ้างที่ออกมาปฏิเสธ นายเอกนัฏ กล่าวว่า มีการออกมาปฏิเสธหลายคน ซึ่งเมื่อคืนนี้ดึกมาก แต่ก็มี สส. ในรายชื่อหลายคนทยอยออกมาปฏิเสธ ตนเองยังไม่ได้เช็กข้อความ โดยเมื่อช่วงเช้านี้ตนเองได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีถึงแนวทางการจัดการอ้อย ก็ยังไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ ตนก็ยังสงสัยอยู่ว่ามีการยื่นเอกสารจริงหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านแค่ให้กำลังใจทุกเรื่อง ที่ผ่านมาท่านก็ให้การสนับสนุนการทำงานของตนเป็นอย่างดี
นายเอกนัฏ กล่าวอีกว่า เท่าที่คุย สส. เหล่านั้น ไม่รู้เรื่องเลยว่าไปเซ็นตอนไหน แต่ไม่เคยเซ็นเอกสารที่มีใจความแบบนี้เลย เอกสารที่มีใจความไปพาดพิงต่อว่าหัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรค และไม่เคยไปท้าทายกดดันนายกฯให้ปรับรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติเลย และไม่เคยไปเซ็นเอกสารที่มีใจความเหล่านี้เลย
นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนเตรียมใจไว้แล้ว บางทีตนเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ซึ่งต้องใช้ทุกวิธีในการจัดการ ตนเองว่าแทงจากข้างนอก เขาก็รู้ว่าจุดอ่อนว่าแทงไม่เจ็บเท่าข้างใน ป่วนข้างนอกไม่พอ ก็มาป่วนข้างใน ตนเชื่อว่ามีคนขัดผลประโยชน์ และกำลังพยายามปั่นเรื่องนี้ สร้างให้เกิดความแตกแยกภายในพรรค เพราะที่ผ่านมากรรมการบริหารพรรค โดยเฉพาะตนเองได้มีการสื่อสารพูดคุยกับ สส. อยู่เป็นประจำ มันก็แปลกที่ออกมาในสถานการณ์แบบนี้ และตนเองเชื่อว่าตนเอง และนายพีระพันธุ์ คงไปเหยียบเท้าใครบางคน การมาถามตนเองแบบนี้ ก็คงต้องมี การหาข้อเท็จจริง และสาวลึกลงไปให้ได้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้เป็นใคร