ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’ ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’  ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’ ‘ไทย-กัมพูชา’ ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม. ‘พรรคร่วม’ ยื้อยุด ปมร้อนชั้น 14 ขยายแนวรุกนอกสภาฯ ศึก‘หมอ-การเมือง’

KEY

POINTS

  • ปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ปะทุจากการปะทะในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี จับตาการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)ไทย-กัมพูชา ในวันที่ 14 มิ.ย.68 นี้
  • “ในประเทศ” ที่เห็นชัดถึงเกมเคลื่อนของบรรดา “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” ที่ชิงจังหวะปลุกกระแสชาตินิยม ขยายผลไปยังเกมทั้งในสภา และนอกสภา
  • “ศึกใน” ขั้วรัฐบาลเวลานี้ ถูกรายล้อมไปด้วย สารพัดเกมชิงไหวชิงพริบ ข่าวคราว “ปรับ ครม.”ที่ยื้อยุดกันมาพักใหญ่ จนถึงเวลานี้ต่างฝ่ายต่างยังคงเปิดหน้าท้ารบกันไปมาไม่หยุดหย่อน 
  • “ศึกนอกรัฐบาล” ที่กำลังรุกไล่ “นายกฯ อิ๊งค์” ปมร้อนชั้น 14 แรงปะทุระหว่าง “หมอ” กับ “การเมือง”

การเมืองท่ามกลางความอลหม่านปั่นป่วน สารพัดปมร้อนวัดใจ “นายกฯ อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ในช่วงครึ่งเทอมหลัง ทั้ง “ศึกนอก” ที่กำลังสุมไฟร้อน จากปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ที่ปะทุจากการปะทะในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี 

ต้องจับตาการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)ไทย-กัมพูชา ในวันที่14 มิ.ย.68 นี้ แม้ท่าทีล่าสุดของ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม จะแสดงความมั่นอกมั่นใจว่า เวทีดังกล่าวซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ในวาระที่พูดคุยกัน ได้ตกลงกันว่าจะพูดคุยเรื่องจุดปะทะบริเวณช่องบก รวมถึงมาตรการร่วมกันในอนาคต พร้อมเชื่อว่าหลังจากนี้ บรรยากาศจะค่อยๆ คลี่คลาย

ทว่า หากจับสัญญาณที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ สะท้อนให้เห็นชัดว่า ท่ามกลางปมร้อนที่เกิดขึ้น ยังซ่อนเงื่อนไขต่อรองอีกมากมาย 

เห็นชัดจากการที่ “กระทรวงกลาโหม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา” ออกแถลงการณ์วันที่ 9 มิ.ย.68 ระบุ 4 ข้อ ยืนยันว่ากัมพูชาไม่ได้มีการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ ซึ่งอยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศตัวเองแต่อย่างใด และพร้อมเต็มที่ในการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล เพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ

ไม่ต่างจากเกมการเมือง “ในประเทศ” ที่เห็นชัดถึงเกมเคลื่อนของบรรดา “ฝ่ายค้าน-ฝ่ายแค้น” ที่ชิงจังหวะปลุกกระแสชาตินิยม ขยายผลไปยังเกมทั้งในสภา และนอกสภา ในช่วงที่พรรคเพื่อไทยกำลังเสียรังวัดในเรื่องดังกล่าว 

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’  ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

 

โดยเฉพาะ “เกมสภาสูง” ล่าสุดเห็นสัญญาณจากฝั่ง “สว.สีน้ำเงิน” นำทีมโดย “มงคล สุระสัจจะ” ประธานวุฒิสภา สายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ นำทีมนามกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) แถลงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ให้มีการอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาทเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา

ถูกตีความไปที่ฉวยจังหวะเดินเกมรุกของฝั่งสีน้ำเงิน ที่เวลานี้กำลังติดบ่วงคดีโพยฮั้ว สว. สู้กลับด้วยการหยิบยกประเด็นไทย-กัมพูชา มาขยี้แผลในสภาฯ

เพราะหากไล่เช็กชื่อผู้ที่อยู่ในวงแถลง จริงอยู่แม้จะดำเนินการในนามวิปวุฒิสภา แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็น “สว.สายสีน้ำเงิน” ที่ถูกหมายเรียกในคดีโพยฮั้ว สว.แทบทั้งสิ้น

ไม่แปลกที่สัญญาณจาก “สว.สีน้ำเงิน” จะไปสอดรับท่าทีของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก่อนหน้าออกแอกชันในฐานะ “มท.1”  ท่ามกลางกระแสชาตินิยมที่ถูกโหมกระพือ สั่งการไปยังผู้ว่า 9 จังหวัด ที่มีพรมแดนติดกับเพื่อนบ้าน ให้เตรียมการสนับสนุนกองทัพ

โดย “มท.หนู” ยังระบุว่า “ยืนเคียงข้างเจ้าหน้าที่ทหารรักษาอธิปไตยไทยอย่างเต็มกำลัง ดูแลไม่ยอมเสียดินแดนให้ใครแม้แต่ตารางนิ้วเดียว”

ครม.ป่วน 2 พรรคร่วมบีบเพื่อไทย

ขณะที่ “ศึกใน” ขั้วรัฐบาลเวลานี้ ถูกรายล้อมไปด้วย สารพัดเกมชิงไหวชิงพริบ ข่าวคราว “ปรับ ครม.”ที่ยื้อยุดกันมาพักใหญ่ จนถึงเวลานี้ต่างฝ่ายต่างยังคงเปิดหน้าท้ารบกันไปมาไม่หยุดหย่อน 

โฟกัสหลักอยู่ที่เกมกระชับอำนาจ“สีน้ำเงิน” ยึดคืนกระทรวงมหาดไทย กลับไปอยู่ในการดูแลของพรรคแกนนำ  ตามความต้องการของ “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่เพื่อไทย หวังปั๊มผลงานในช่วงครึ่งเทอมสุดท้ายของ “รัฐบาลแพทองธาร” จนถึงเวลานี้ยังคงซ่อนไพ่ต่อรองระหว่าง “2 นายใหญ่” แดง-น้ำเงิน

จับอาการ 2 ฝ่าย "ภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย พูดถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ที่ยืนกรานขอยึดโควตากระทรวงเดิมตั้งแต่เข้าร่วมรัฐบาล  

“พรรคที่มาร่วมรัฐบาลเห็นด้วย พรรคนั้นก็เข้ามา การคุยเพื่อตั้งรัฐบาล ไม่ใช่คุยว่าจะให้ตำแหน่งอะไรกับใคร ต้องเข้าใจก่อนว่า เราคุยเรื่องนโยบายที่จะทำงาน ถ้าเห็นด้วยก็มาร่วม ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องมาร่วม ซึ่งจุดนี้ผมเป็นคนดำเนินการคุยเอง ว่าเรื่องต่างๆ โอเคหรือไม่ เพราะฉะนั้น มาตรการที่คุยแต่ต้น ในการชวนมาทำงาน อยู่ที่ว่าจะมาช่วยทำงานอย่างไร ถ้าเห็นเหมือนกัน ก็ทำงานร่วมกันได้ แต่ขณะนี้ใครจะเสนออะไร อยู่ที่นายกฯ พิจารณา” ภูมิธรรม สวนกลับในมุมเพื่อไทย ที่ยึดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่ตำแหน่ง

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’  ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

ภท.ปรับภายใน ลุ้น “ไชยชนก” ผงาด

ต่างจาก “ฝั่งภูมิใจไทย” เห็นชัดถึงท่าทีขึงขังของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ที่พูดถึงประเด็นปรับ ครม. ระหว่างเดินทางกลับจากกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยย้ำจุดยืนภูมิใจไทยที่ไม่ต้องการปรับว่า 

 “เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่มีอะไรต้องตกลงกันแล้ว ทุกอย่างจบตั้งแต่กิน ‘มิ้นต์ช็อก’ ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแล้ว อย่าลืมว่าพรรคภูมิใจไทยมาตามคำเชิญพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล ขอยืนยันไม่มีการย้ายกระทรวง ยึดตามข้อตกลงเดิม ซึ่งนายกฯ แพทองธาร ก็ให้ความมั่นใจแล้ว”

จับอาการที่ “อนุทิน” แสดงจุดยืนของพรรค ยึดตามโควตาเดิมเมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาล เน้นไปที่การพูดคุยกับ “นายกฯ แพทองธาร”ผู้มีอำนาจสูงสุด แทนที่จะเป็น “นายใหญ่เพื่อไทย” ผู้ออกมาเปิดประเด็นยึดคืนกระทรวงมหาดไทย

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’  ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าวปล่อยออกมาว่า  “ภูมิใจไทย” ยอมให้มีการปรับโควตาพรรค ภายใต้ข้อเสนอ “ปรับใหญ่ทั้งคณะ” พร้อมแลกเปลี่ยนด้วยกระทรวงเกรดเอ  มาอยู่ในการดูแลของพรรคสีน้ำเงิน 

ว่ากันว่า มาจากสัญญาณจาก “ครูใหญ่สีน้ำเงิน”ส่งสัญญาณชัด “ไม่ปรับ” โควตาในส่วนของพรรคที่มีอยู่เดิม แต่อาจจะมีการสลับรายชื่อกันเองภายในพรรคเท่านั้น

โดยเฉพาะในส่วนของ “ครูอุ้ม”เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ น้องชายครูใหญ่สีน้ำเงิน ที่อยากลุกจากเก้าอี้ 

หากย้อนกลับไปเมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาล “ครูอุ้ม” เข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตาชิดชอบ แทน “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” อดีตเลขาธิการพรรค ผู้เป็นน้องชายที่ติดบ่วงการเมือง และเพื่อรักษาโควตาชิดชอบแทน “ไชยชนก” ผู้เป็นหลานชาย รอวันที่พร้อมขึ้นแท่นเสนาบดี 

น่าสนใจว่า ในเดือนก.ค.นี้ “ไชยชนก” จะมีอายุครบ 35 ปี เข้าเกณฑ์อายุขั้นต่ำของผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรี สอดคล้องกับกระแสข่าวที่ว่า “เพิ่มพูน” ผู้เป็นอา พร้อมวางมือ ไม่รับตำแหน่งหากมีการปรับ ครม.ในรอบนี้

เป็นเช่นนี้ต้องจับตา หากเกมปรับ ครม.สามารถยื้อไปถึงเดือนก.ค. อีกสูตรหนึ่งที่ถูกพูดถึงคือ เมื่อโควตาของผู้เป็นอาว่างลง อาจเป็นโอกาสให้ “ลูกเนวิน” ขยับขึ้นแท่น ชิมลางในฐานะ “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” ในบางกระทรวงไปก่อน โดยขยับรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคมานั่ง รมว.ศึกษาฯ แทน

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ภูมิใจไทยแสดงท่าทีเช่นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์เพื่อไทย จากเดิมที่ถือแต้มต่อในฐานะพรรคแกนนำ แต่เวลานี้เพลี่ยงพล้ำจากหลายเหตุการณ์ จนเผชิญเกมรุกกลับจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน 

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’  ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

นอกจากภูมิใจไทย ยังมีในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ  ที่ล่าสุดมีสัญญาณมาจากทั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงานในฐานะหัวหน้าพรรค และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้ยืนยันโควตา 2 เก้าอี้หลักในส่วนของพรรค รทสช. ไม่ขอปรับเปลี่ยนเช่นเดียวกัน  

จึงเห็นเกมรุกกลับของอีก “กลุ่มก๊วน” ในพรรครวมไทยสร้างชาติ นำโดยสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์

ล่าสุดปล่อย “21ชื่อ สส.”  ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เรื่อง ข้อเสนอการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า พุ่งเป้าไปที่ “พีระพันธุ์” หัวหน้าพรรค

หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ข้อกังวลเกี่ยวกับประเด็นด้านจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งปรากฏเป็นข่าวในหลายกรณี ที่อาจเข้าข่ายการกระทำอันขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ

ศึกนอกสุมไฟ - ศึกใน ‘บีบรัฐบาล’  ปลุกชาตินิยม - ปรับ ครม.ยื้อยุด

 ปมร้อนชั้น 14 แนวรุกนอกสภาฯ

ไหนจะ “ศึกนอกรัฐบาล” ที่กำลังรุกไล่“นายกฯ อิ๊งค์” จนแทบหลังพิงเชือก ทั้งปมร้อนชั้น 14 ของผู้เป็นบิดาหลังแพทยสภามีมติลงโทษ“ 3 นายแพทย์” ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

ก่อนมีสัญญาณจาก “นายใหญ่เพื่อไทย” งัดไลน์หลุดซัดกลับประเด็น “จริยธรรม”บุคคลที่มี “ตำแหน่งสูงมาก” เสมือนเป็นแรงบีบให้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน”รมว.สาธารณสุขต้องเร่ง “วีโต้” มติแพทยสภา

ขณะที่ “ฝั่งหมอ” ล่าสุดโต้กลับด้วยการแห่เข้าชื่อเซฟแพทยสภาฯ 

เหนือไปกว่านั้นที่ต้องจับตาคือ กรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีดังกล่าวในวันที่ 13 มิ.ย.68 นี้

ล่าสุดมีสัญญาณมาจาก “นายใหญ่เพื่อไทย” ที่อาจจะไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลในวันดังกล่าว โดยจะส่งทนายไปแทน 

ขณะเดียวกันยังมีสัญญาณมาจากม็อบนอกสภา ก่อนหน้านี้ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประกาศเชิญพี่น้องแพทย์ และประชาชน มาร่วมให้กำลังใจ สนับสนุนแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.2568 และนัดหมายวันที่ 5 มิ.ย.2568 เวลา 11.00 น. ที่อาคารแพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้าพบ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เพื่อมอบจดหมายพร้อมรายชื่อผู้สนับสนุน และกระเช้าดอกไม้

สะท้อนชัดถึงแรงปะทุระหว่าง “หมอ” กับ “การเมือง” ที่อาจสุมเชื้อไปถึงไฟม็อบนอกสภาฯ อีกด้วย

“ศึกนอก-ศึกใน” ที่กำลังตีประชิดรัฐบาลอยู่ในเวลานี้ กำลังเป็นขวากหนามที่ “นายกฯ แพทองธาร”จะฝ่าวิบากการเมืองครั้งนี้ ไปได้อย่างไร ต้องจับตา

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์