อ่านเกม 'รัฐบาลไทย' โอ้โลม ปฏิโลม 'กัมพูชา' นวดก่อนทุบ

"รัฐบาลไทย" เล่นบท "บุ๋น" กดดันกัมพูชาเข้าสู่โต๊ะเจรจา "กองทัพ" เล่นบท "บู๊" ประกาศตอบโต้ ปกป้องอธิปไตยไทยคุ้มครองประชาชน
KEY
POINTS
- แม้รัฐบาลไทยพยายามใช้ 3 กลไก เจรจาลดความขัดแย้งกัมพูชาพื้นที่ชายแดน เพื่อหลีกเลี่ยงการสู้รบ ทว่า "กัมพูชา" พยามสร้างเงื่อนไข ขยายความขัดแย้งบริเวณช่องบกไปสู่พื้นที่อื่น เพื่อไปสู่ศาลโลก
-
รัฐบาลไทยจึงต้องเล่น "บทบุ๋น" กองทัพเล่น"บทบู๊" ประกาศตอบโต้ ปกป้องอธิปไตย และปกป้องคุ้มครองประชาชนไทยจากทหารกัมพูชา ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ หลังพบมีการเพิ่มกำลัง อย่างมีนัยสำคัญ
-
รัฐบาลไทยอยากใช้กลไกที่มีอยู่ทุกระดับ เจรจากัมพูชาให้ครบถ้วนเสียก่อน หากถึงจุดหนึ่ง แนวทางการเจรจายึดหลักสันติไปกันไม่รอด ปลายทางสุดท้าย ก็คือการใช้กำลัง
แม้ "รัฐบาลไทย" พยายามแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา จุดปะทะช่องบก จ.อุบลราชธานี ให้จบบนโต๊ะเจรจา ผ่านการหารือภายใต้กลไก 3 ระดับ
การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ไทย-กัมพูชา และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา พร้อมยึด MOU2543
เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ที่จะนำไปสู่การสู้รบตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชน และการสูญเสียของ 2 ประเทศ อย่างเลี่ยงไม่ได้
ทว่า"กัมพูชา" พยามสร้างเงื่อนไขขยายความขัดแย้งบริเวณช่องบกไปสู่พื้นที่อื่น ทั้ง สามเหลี่ยมมรกต ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด ประสาทตาควาย ไปสู่ศาลโลก พร้อมปิดประตูพูดคุยในเวที JBC
ต่อมารองนายกฯ และรมว.กลาโหม "ภูมิธรรม เวชยชัย" เรียกประชุมสภาความมั่นคง (สมช.) ด่วน พร้อมจัดตั้ง "คณะกรรมการเฉพาะกิจ" แต่ยังอุบมาตรการกดดัน ให้กัมพูชายอมเจรจาปัญหาการปะทะช่องบก เข้าสู่กรอบทวิภาคีของสองประเทศ
หวังดูท่าทีกัมพูชา ว่าอ่อนลงหรือไม่ เพื่อสร้างบรรยากาศให้เป็นจุดเริ่มต้นการเจรจา ภายหลังการพบกันระหว่าง "ภูมิธรรม" รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กับ "เตีย เซยฮา" รองนายกฯและรมว.กลาโหม กัมพูชา ขอให้ถอนทหารกัมพูชา กลับไปอยู่ในจุดเดิมก่อนหน้านี้
แต่กัมพูชาปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า เป็นพื้นที่อยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา และหากไทยยังยึดแผนที่แตกต่างกัน จะไม่พบจุดกลางในการรักษาความมั่นคงชายแดน พร้อมย้ำว่า ยังยึดมั่นเคารพบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 (MOU43)
พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการกองทัพบก จึงลงนามในคำสั่งกองทัพบก ใช้มาตรการ "เปิด-ปิดด่าน" ทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ได้ตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ มีผลบังคับ 7 มิ.ย.เป็นต้นไป หลังได้รับมอบหมายจากที่ประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ 6 ม.ย. 2568
พร้อมให้ "ผู้บัญชาการกองกําลังบูรพา-ผู้บัญชาการกองกําลังสุรนารี " มีอำนาจกําหนดมาตรการ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข เงื่อนเวลา ที่จําเป็นต่อการผ่านแดน บริเวณจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยคํานึงถึงความจําเป็นในการทํามาค้าขายและความเป็นอยู่ของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว
สำหรับมาตรการเรื่องการเปิด-ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดแนว มี 4 ระดับ แต่ยกมาใช้เพียงระดับที่ 1 และระดับที่ 2 ขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการกองกำลังในพื้นที่จะพิจารณาตามความเหมาะสม เช่น
ระดับที่ 1 การจำกัดบุคคลเข้า-ออก เฉพาะการค้าชายแดน และด้านเศรษฐกิจ เช่น แรงงานต่างด้าว การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยมาตรการนี้ต้องการสกัดกั้นนักท่องเที่ยว ที่เดินทางเข้ากัมพูชา
ระดับที่ 2 ลดเวลา การเปิด-ปิดด่าน เช่น จาก 10 ชั่วโมงเหลือ 6 ชั่วโมง หรือเคยเปิด 5 วัน เหลือเพียง 2-3 วัน แล้วแต่สถานการณ์ในแต่ละพื้นที่
ส่วนที่ยังไม่ประกาศใช้ คือ ระดับที่ 3 ปิดบางพื้นที่ เช่น ปิดช่องจอม จังหวัดสระแก้ว หรือพื้นที่อื่นตามความเหมาะสม และระดับที่ 4 ปิดเบ็ดเสร็จตลอดแนว ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เมื่อจำเป็น
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ อีก ที่เตรียมประกาศใช้ในโอกาสต่อไป ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ สมช.โดยให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้ง 2 ฝั่งน้อยที่สุด เช่น
จำกัดการขายสินค้าบางรายการ เช่น น้ำมัน
ความเข้มข้นในการคัดกรองคนกัมพูชาเข้าประเทศ
มาตรการตัดไฟฟ้า 2 จุด อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตรงข้ามปอยเปต กัมพูชา
มาตรการผลักดันคนกัมพูชาที่ทำงานในประเทศไทย หากไม่จำเป็น จะไม่ใช้
มาตรการต่างประเทศ เช่น การเรียกเอกอัครราชทูตไทย ประจำกัมพูชากลับประเทศ
รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะเพิ่มดีกรีความรุนแรง จนกว่ากัมพูชาจะเข้าสู่โต๊ะการเจรจา
ขณะที่รัฐบาลไทยเล่นบทบุ๋น กองทัพเล่นบทบู๊ ประกาศตอบโต้ ปกป้องอธิปไตย และปกป้องคุ้มครองประชาชนไทยจากทหารกัมพูชา ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ หลังพบมีการเพิ่มกำลัง อย่างมีนัยสำคัญ
ทุกเหล่าทัพพร้อมระดมสรรพกำลัง ทั้งกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องบินรบ รถ พร้อมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติการกองทัพบกทุกรูปแบบ รองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งตำรวจตระเวนชายแดน หน่วยตำรวจพื้นที่ชายแดน เตรียมความพร้อมเต็มรูปแบบ รวมถึงจัดทำแผนเผชิญเหตุ เพิ่มมาตรการสืบสวนหาข่าวเชิงลึก และเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างเข้มข้น ป้องกันข่าวปลอม
แต่หากถึงจุดหนึ่ง แนวทางการเจรจายึดหลักสันติของรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ไปกันไม่รอด ปลายทางสุดท้าย ก็คือการใช้กำลัง
แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น "รัฐบาลไทย"อยากใช้กลไกที่มีอยู่ทุกระดับเจรจา"กัมพูชา"ให้ครบถ้วนเสียก่อน
เพื่อให้การสู้รบเป็นคำตอบสุดท้าย







