'สส.ลิซ่า'ฟาด กสทช. กลไกเงา แทรกซึม จับตา ประมูลคลื่นความถี่ ผู้เล่นหน้าเดิม

'สส.ลิซ่า'ฟาด กสทช. กลไกเงา แทรกซึม จับตา ประมูลคลื่นความถี่ ผู้เล่นหน้าเดิม

"ภคมน" ฟาด กสทช. กลไกเงา แทรกซึมทุกระดับชั้น บอร์ดใหญ่ส่งคนล้วงลูก จับตา ประมูลคลื่นความถี่รอบใหม่ ผู้เล่นหน้าเดิม

7 มิ.ย.2568 น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า

เงิน 12 ล้าน กับเอกสาร กสทช. “เรื่องบังเอิญ” เหรอ

ข่าวล่าสุด กสทช. รีบออกมาบอกว่านายทวีวัฒน์ ไม่ใช่พนักงานของ กสทช. ถูกต้องค่ะ ไม่มีสื่อหัวไหนระบุว่าเขาเป็น “พนักงาน” แต่สื่อบอกชัดว่าเขาเป็น “หน้าห้องกรรมการ” และชัดยิ่งกว่านั้นนายทวีวัฒน์คือ “ที่ปรึกษา” ของกรรมการ กสทช.คนหนึ่ง ที่มีบทบาทชี้ขาดในมติสำคัญอย่างการควบรวมทรู–ดีแทค

ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ตุลาคม 2565 กรรมการ กสทช.คนนี้เป็นหนึ่งในเสียงที่ลงมติว่า กสทช.มีอำนาจแค่ ‘รับทราบ’ การควบรวมทรู–ดีแทค ไม่ใช่ ‘อนุญาตหรือไม่อนุญาต’ท่าทีแบบนี้คือการตีความที่ “ลดอำนาจตนเอง” เปิดทางให้ดีลควบรวมขนาดใหญ่ผ่านฉลุย

และนายทวีวัฒน์ที่ปรึกษาคนสนิทของกรรมการผู้นั้นก็เป็น “เสียงข้างน้อย” ในอนุกรรมการ ที่มีความเห็นไปในแนวเดียวกันว่า กสทช.แค่รับทราบ ไม่มีสิทธิอนุญาต(เอกสารการประชุมปี65)

บังเอิญมั้ย ชวนตั้งคำถามว่าเงินสด 12 ล้านบาท โผล่มาพร้อม “เอกสารราชการ กสทช.” ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย เบี้ยประชุมอนุกรรมการกสทช.ออกมาบอกว่า “เป็นเงินคนละเรื่องกับเอกสาร” แต่มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญได้อย่างไร ที่ “ใบหักภาษีของที่ปรึกษา กสทช.” ไปอยู่ในลังเดียวกับเงินสด 12 ล้าน?  มันไม่ใช่ถุงกล้วยแขกที่ใครจะโยนเอกสารหล่นใส่กันง่าย ๆ!

นี่คือปัญหาระดับโครงสร้างขององค์กรกำกับสื่อสารที่ควรเป็นอิสระแต่กลับมี “กลไกเงา” แทรกซึมในทุกชั้น คนที่นั่งในบอร์ดอนุกรรมการล้วนถูกส่งมาโดยบอร์ดใหญ่และนายทวีวัฒน์ ก็อยู่ในอนุกรรมการสำคัญหลายชุดและอย่าลืมวันที่ 29 มิถุนายนนี้ มี “การประมูลคลื่นความถี่” รอบใหม่
ผู้เล่นก็หน้าเดิม เจ้าเดิม มีแค่ทรู กับเอไอเอสยื่นซอง รายอื่นไม่ได้แข่งกับเขา

เรื่องนี้กสทช.มีหน้าที่ชี้แจง แต่ “สังคมจะเชื่อหรือเปล่า” นั่นอีกเรื่อง

เรื่องกสทช.มีอีกเพียบและเป็นเรื่องบังเอิญที่วันนี้ดิฉันได้รับ เอกสารเรื่องราวต่างๆของกสทช.ที่น่าติดตามหลายเรื่อง 

บังเอิญแหละ