กฎหมายป้องฟ้องปิดปากมีผลแล้ว เพิ่มกลไกคุ้มครอง ช่วยคนร้องทุจริต

เลขาธิการ ป.ป.ช.เผยกฎหมาย 'Anti-SLAPP' ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้แล้ว เพิ่มเติมกลไก - คุ้มครองช่วยประชาชนที่เปิดโปงเบาะแสทุจริต ส่งเสริมให้คนร้องเรื่องโกงมากขึ้น
เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้มีการเผยแพร่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมกลไก และมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือประชาชนที่เปิดโปงแจ้งเบาะแสการทุจริต เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ภาคประชาชนที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านหรือชี้ช่องแจ้งเบาะแสการทุจริตมากยิ่งขึ้น
สำหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 นี้ มีที่มาจากแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับปรับปรุง) ซึ่งกำหนดกิจกรรมปฏิรูปที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ ตามแผน Big Rock ที่ต้องการให้มีการพัฒนาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และระบบคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปกป้องคุ้มครองบุคคลที่แสดงความเห็นหรือเปิดโปงเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบจากการถูกกลั่นแกล้งฟ้องร้องดำเนินคดี หรือกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP Law)
สาระสำคัญของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ได้นำหลักการของกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP Law) มากำหนดเป็นกลไกในการให้ความคุ้มครอง และช่วยเหลือแก่ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งฟ้องคดี ถูกกลั่นแกล้งร้องทุกข์กล่าวโทษ หรือถูกกลั่นแกล้งร้องเรียนให้มีการดำเนินการทางวินัย สืบเนื่องจากการที่ผู้นั้นได้มาให้ถ้อยคำ แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส ส่งพยานหลักฐาน หรือแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต และเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดที่อยู่ในหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้มีมาตรการช่วยเหลือกรณีที่ผู้ให้ถ้อยคำ แจ้งข้อมูลหรือเบาะแส โดยสรุปดังนี้
1. กรณีถูกกลั่นแกล้ง และอยู่ในกระบวนการดำเนินคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นในชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือศาล กฎหมายได้กำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ช. สามารถเข้าไปช่วยเหลือบุคคลนั้น เช่น การแจ้งมติคุ้มครองไปให้พนักงานสอบสวน อัยการ หรือศาล นำเข้าประกอบการพิจารณาในสำนวนคดี การจัดให้เจ้าหน้าที่หรือจัดหาทนายเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีแพ่ง รวมถึงช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี
2. กรณีถูกกลั่นแกล้งโดยการถูกฟ้องคดีแพ่ง กฎหมายกำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ช. สามารถช่วยเหลือโดยการจัดเจ้าหน้าที่หรือจัดหาทนายเพื่อช่วยเหลือในการดำเนินคดีในศาล รวมถึงการสนับสนุนค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี
3. กรณีถูกกลั่นแกล้งโดยการดำเนินการทางวินัย กฎหมายได้กำหนดให้มีการแจ้งมติคุ้มครองไปยังผู้บังคับบัญชาให้ยุติการดำเนินการทางวินัยนั้นทันที
ทั้งนี้ มาตรการความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่มีผลใช้บังคับนี้ จะเป็นกลไกทางกฎหมายที่จะช่วยส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้าน ชี้เบาะแส ในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนที่เข้ามาชี้ช่องแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำทุจริตว่าจะได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองไว้อีกด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







