ศาล รธน.เอกฉันท์ตีตก 2 คดี ชี้ขาดคดี GT200-ร้อง ‘บิ๊กตู่’ พ้นนายกฯ

ศาล รธน.เอกฉันท์ตีตก 2 คดี ชี้ขาดคดี GT200-ร้อง ‘บิ๊กตู่’ พ้นนายกฯ

ศาล รธน.มติเอกฉันท์ยกคำร้อง 2 คดี ปม ‘พันเอก’ ขอให้ชี้ขาดคดีจัดซื้อ GT200 สัญญาเป็นโมฆะ – คดีร้อง ‘บิ๊กตู่’ พ้นเก้าอี้นายกฯ ปมทูลเกล้าฯแต่งตั้ง ‘ธรรมนัส’ นั่ง รมต.

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาคดี โดยมีคดีที่น่าสนใจ และศาลมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย 2 คดี ได้แก่ เรื่องพิจารณาที่ ต. 50/2568 ซึ่งเป็นคำร้องต่อเนื่อง เรื่องพิจารณาที่ ต. 6/2568 กรณี พันเอก เกรียงไกร ลาดปาละ (ผู้ร้อง) ไม่เห็นพ้องกับคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2568 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่สั่งไม่รับคำร้องของของผู้ร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้พิจารณาวินิจฉัยก่อนมีคำสั่งไม่รับคำร้องว่า ประเด็นข้อพิพาทกรณีกรณีกองทัพบกจัดชื่อเครื่องตรวจจับสารเสพติด อาวุธ และวัตถุระเบิด (GT 200 DETECTION SUBSTANCES) โดยผู้ขายมีเจตนาทุจริต หลอกลวง แสดงข้อความอันเป็นเป็นเท็จหรือปกปิดความจริง ซึ่งควรบอกให้แจ้ง เกี่ยวกับการเสนอขายพัสดุที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถตรวจสารเสพติดได้สัญญาซื้อขาย GT 200 ย่อมเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 การกระทำอื่นใด 

ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องกรณีดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย

นอกจากนี้ยังมีเรื่องพิจารณาที่ 14/2568 กรณีนายพีรพงษ์ ทรัพย์กิจธนากุล ขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) หรือไม่ โดยผู้ร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ผู้ถูกร้อง) นำชื่อของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่รู้หรือควรรู้ว่าบุคคลดังกล่าวรับว่า ตนได้กระทำผิดตามคำพิพากษาของศาลออสเตรเลีย มีประเด็นข้อกังขาเกี่ยวกับจริยธรรมและความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ซึ่งไม่สมควรได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ผู้ถูกร้องเป็นผู้ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4)

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องปรากฏว่า ผู้ร้องมิได้เป็นผู้มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ที่จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ได้ กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ประกอบมาตรา 82 ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย