'5 ไทม์ไลน์'วาระร้อนรัฐบาล การเมืองเดือด จากทำเนียบฯ ถึงชายแดน

'5 ไทม์ไลน์'วาระร้อนรัฐบาล การเมืองเดือด จากทำเนียบฯ ถึงชายแดน

'5 ไทม์ไลน์'วาระร้อนรัฐบาล การเมืองสู่จุดเดือด จากทำเนียบฯ ถึงชายแดน เกมเสี่ยงรอบด้าน เดิมพันรัฐบาลแพทองธาร

KEY

POINTS

  • จับสัญญาณการเมืองเดือนมิถุนา ทวีความร้อนแรง ทั้งศึกในศึกนอก เมื่อสถานการณ์เดินเข้าสู่เกมเสี่ยง จนอาจถึงขั้นชี้ชะตา “บิ๊กเนม” ทั้งคนฉากหน้า ฉากหลัง
  • เกมบีบปรับครม.ใกล้ถึงจุดจบ เพราะหากปล่อยยื้อไปนานกว่านี้ จะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล
  • ปม "นักโทษเทวดา" ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ชี้ชะตากันในวันที่ 13 มิ.ย. โดยศาลฎีกาจะไต่สวน "ทักษิณ - หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"
  • ความขัดแย้งกับประเทศ "กัมพูชา" จะมีการประชุม เจบีซี กันในวันที่ 14 มิ.ย. เพื่อข้อหายุติ
  • และต้องจับตาปม "ฮั้ว สว." ที่อาจจะมีการออกหมายเรียกลอต 6 ซึ่งใกล้สาวถึง "บิ๊กเนม" เครือข่ายสีน้ำเงิน

'5 ไทม์ไลน์'วาระร้อนรัฐบาล การเมืองเดือด จากทำเนียบฯ ถึงชายแดน

จับสัญญาณการเมืองเดือนมิถุนา ทวีความร้อนแรง ทั้งศึกในศึกนอก เมื่อสถานการณ์เดินเข้าสู่เกมเสี่ยง จนอาจถึงขั้นชี้ชะตา “บิ๊กเนม” ทั้งคนฉากหน้า ฉากหลัง จนทำให้ “คนในกระดาน” เตรียมเทหมดหน้าตัก เพื่อเดิมพันเกมอำนาจครั้งนี้

แม้ “ขั้วสีแดง” ที่นำโดย “นายใหญ่” ทักษิณ จะกุมอำนาจฝ่ายบริหาร แต่คู่ขัดแย้งอย่าง “ขั้วสีน้ำเงิน” ที่มี “ครูใหญ่” เนวิน บัญชาเกมอยู่เบื้องหลัง กุมอำนาจสภาสูง ผ่าน “พรรคสีน้ำเงิน - สว.สีน้ำเงิน” กลับไม่มีทีท่าจะอ่อนข้อให้

ผนวกกับมีปัจจัย “มือมืด” เข้ามาผสมโรง เพื่อขอแชร์อำนาจ ยิ่งทำให้ “ขั้วรัฐบาลเฉพาะกิจ” อาจไปต่อไม่ได้จนสุดทาง แม้จะมีความพยายามประคับประคองรัฐบาลให้ครบเทอม

“กรุงเทพธุรกิจ” รวบรวมไทม์ไลน์เดือนมิ.ย.2568 ที่มีสัญญาณร้อน จากปมการเมืองร้าว สะท้อนสถานการณ์ใน“ขั้วพรรคร่วมรัฐบาล” จะต้องฝ่าด่านหิน ด่านวัดใจ ไปได้หรือไม่

4-10 มิ.ย. เจรจาปรับคณะรัฐมนตรี โจทย์ใหญ่โฟกัสที่ “กระทรวงมหาดไทย” โดย “นายใหญ่-ลูกพรรคสีแดง” ต้องการยึดคืนจาก อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

แม้นายใหญ่ “ทักษิณ” จะอ้างเหตุผลการทำงานที่ไม่สอดประสานกัน ทำให้นโยบายของรัฐบาลไม่นำไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่ แต่เจตนาหลักของ “ทักษิณ-ลูกพรรคสีแดง” อาจต้องการทลายเครือข่ายอำนาจสีน้ำเงิน ที่กำลังจะฝังตัวอยู่ใน “ขุมอำนาจท้องถิ่น”

ต้องยอมรับว่า “มหาดไทย” ควบคุมดูแลกลไกท้องถิ่น ตำแหน่งต่างๆ ในฝ่ายปกครอง ล้วนมีความสำคัญกับการดำเนินนโยบายพื้นที่ นั่นหมายถึงมีความสำคัญกับการเลือกตั้ง
 

ดังนั้น หากปล่อยให้ “เครือข่ายสีน้ำเงิน” วางโครงข่ายอำนาจทางการเมืองอย่างแข็งแกร่ง ผลการเลือกตั้งปี 2570 อาจโดน “ภูมิใจไทย” รุกกินแดน ชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์ไปได้ ยิ่งยี่ห้อ“ครูใหญ่” การวางยุทธศาสตร์สานต่ออำนาจ สามารถการันตีผลสัมฤทธิ์ได้ดีเสมอ

ขณะเดียวกันยังมีปมป่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อยู่ในสมการปรับ ครม.ด้วยเช่นกัน ภายหลัง สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค เปิดเกม โชว์รูปร่วมรับประทานอาหารกับ “สส.รทสช.” พยายามระดมพล คนไม่พอใจการบริหารงานของ “หัวหน้าพี” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรค 

แม้จะรู้กันดีว่า มีแบ็คอัพชั้นดีสนับสนุน “สุชาติ” แต่ตัวของ “พีระพันธุ์” มีจุดอ่อนให้ถูกเลื่อยขาเก้าอี้ในจังหวะนี้ จึงมี“บิ๊กเนมหลังฉาก” คอยกำกับการแสดง โจมตี “พีระพันธุ์” เพื่อเปิดทางให้มีการปรับครม.ในโควตาของ รทสช.

มีกระแสข่าวว่า นายกฯแพทองธาร จะเร่งปิดเกมปรับครม. เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของรัฐบาลให้เร็วที่สุด แม้อาจจะเพิ่มรอยร้าวให้พรรคร่วมรัฐบาล
 

12 มิ.ย. ประชุมแพทยสภา ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยก่อนหน้านี้ ที่ประชุมแพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

โดยที่ประชุมคณะกรรมการเสนอความเห็นสภานายกพิเศษเพื่อพิจารณาตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ มีมติ “วีโต้” มติของแพทยสภา

“สมศักดิ์” ให้เหตุผลว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าว ไม่ได้มีการพิจารณากฎหมายการส่งตัวของราชทัณฑ์ประกอบด้วย ซึ่งการส่งตัวนั้นเป็นอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำ จึงเห็นว่าเมื่อไม่นำเรื่องนี้มาพิจารณาอย่างครบถ้วน จึงเห็นสมควรว่า ต้องยกประโยชน์ให้ผู้ถูกร้อง

ดังนั้นการประชุมแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย. จึงจะมีวาระพิจารณาการมติวีโต้ดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เสียง 2 ใน 3 จากกรรมการ 70 คน เพื่อยืนยันมติแพทยสภาก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้เสียงกึ่งหนึ่ง

13 มิ.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนคดีกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เข้ารับการรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

โดยเรียกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลาลตำรวจ ทำคำชี้แจง พร้อมสั่งให้มาฟังการไต่สวนด้วย

การไต่สวนของ “ศาลฎีกา” ทำให้ “ทักษิณ” หวั่นไหวพอสมควร เนื่องจากการเปิดศึกรบของ “หัวขบวนอนุรักษ์ - เครือข่ายสีน้ำเงิน” ที่พุ่งโจมตีมาที่เจ้าตัว ทำให้ต้องลุ้นผลของคำพิพากษาพอสมควร จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวลือ “ทักษิณ” เตรียมหนีออกนอกประเทศ

14 มิ.ย. การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ สืบเนื่องมาจากฉากรบศึก “ช่องบก” ปมรุกล้ำดินแดนพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยรัฐบาลทั้งสองประเทศ ต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย

แต่ในทางลับ ผู้นำฝ่ายกัมพูชาทั้ง ฮุนมาเนต นายกฯ พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา สายตรงมาถึง แกนนำรัฐบาล ขอให้ระงับการปิดด่านไว้ก่อน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสคนในชาติกำลังไม่สบายใจท่าทีของ“รัฐบาลไทย”ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จนน่าแปลกใจ ในขณะที่ “รัฐบาลกัมพูชา” แสดงท่าทีแข็งกร้าว ขู่ฟ้องไทยนำพื้นที่พิพาทสู่ศาลโลก พร้อมประกาศใช้กำลังทหารหากเห็นว่าถูกบุกรุก

โดยฝ่าย “กัมพูชา” เดินเกมเร็ว-แรง อย่างเห็นได้ชัด “กัมพูชา” เดินเกมเร็ว-แรง อย่างเห็นได้ชัด ท่าทีของ “สมเด็จ ฮุน เซน” ประธานพฤฒสภากัมพูชา และ “ฮุน มา เนต” ค่อนข้างแข็งกร้าว

แตกต่างจาก “รัฐบาลแพทองธาร” ที่ค่อนข้างอ่อนน้อม ตรงกันข้ามจากท่าทีของ “กองทัพไทย” ที่ขึงขังไม่ยอมเสียเปรียบ “กัมพูชา” ผลการเจรจาวงประชุม JBC จึงน่าจับตาว่าจะมีมติออกมาอย่างไร

15 มิ.ย. ยกระดับคดี “ฮั้ว สว.” โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนชุดที่ 26 ที่ประกอบไปด้วยฝ่ายตัวแทน “สำนักงาน กกต.” ฝ่ายตัวแทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียกให้ สว. - เครือข่ายสีน้ำเงิน เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 5 ลอต รวม 127 ราย

ทั้งนี้ข้อมูลลับของ “ดีเอสไอ” ระบุว่าบุคคลที่อยู่ในข่ายความผิดคดี “ฮั้ว สว.” มีอยู่ 150 คน จึงมีอาจจะต้องออกหมายเรียกลอต 6 ซึ่งคาดว่าอาจจะมีชื่อ “บิ๊กเนม” จากเครือข่ายสีน้ำเงิน พ่วงมาด้วยหลายคน

เกมรุกของ “เครือข่ายสีแดง” ในเกมฮั้ว สว. จำเป็นต้องเปิดฉากรบ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ “ขั้วสีน้ำเงิน” ขยายอาณาจักรไปฝังตัวใน “องค์กรอิสระ” เพราะหาก “ครูใหญ่” ระดมพลสีน้ำเงินกระจายไปทุกองค์กร ภัยอันตรายจะมาเยือน “ทักษิณ - เพื่อไทย” ทันที ในฐานะที่เป็นคู่แข่ง - คู่แค้น ทางการเมือง

ทั้งหมดคือไทม์ไลน์ มิ.ย. การเมืองร้อน ที่อุณหภูมิใกล้สู่องศาเดือด และย่อมมีผลต่อสถานะของ “รัฐบาลแพทองธาร” และความเป็นอยู่ของ “ตระกูลชินวัตร” ในหน้าฉากการเมืองไทย