ดีเอสไอพบ 70 เจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวฮั้วสร้างตึก สตง. มี 'อดีตผู้ว่าฯ' ด้วย

'ดีเอสไอ' พบเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวคดีฮั้วสร้างตึก สตง.แห่งใหม่กว่า 70 คน แย้มมี 'อดีตผู้ว่าฯ สตง.' ด้วย เตรียมชงสำนวนให้ ป.ป.ช.ไต่สวนต่อ ยันยังตามตัว 'บิงลิน วู' กลับมารับทราบข้อหา
เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2568 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พิจารณาสำนวนการสอบสวน ขยายผลเรื่องสัญญา 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญารับเหมาก่อสร้าง สัญญาการออกแบบ และสัญญาการควบคุมงาน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ ตามความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ว่า ด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ “ฮั้วประมูล” โดยเจ้าหน้าที่พบพยานหลักฐานหลายอย่าง จนมีความชัดเจนแล้วว่ามีผู้บริหารระดับสูงของ สตง. เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน ส่งข้อมูลให้กับ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนพิจารณา และ ได้ประชุมร่วมกันไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา แม้ส่วนตัวจะมีความเห็นว่า จะต้องสอบสวนต่อไปก่อนอีกสักระยะหนึ่ง เพื่อให้ได้ซึ่งพยานหลักฐาน แต่ในที่ประชุมทุกคนเห็นพ้องตรงกัน และมีความเห็นนำเสนอเรื่องถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่าเนื่องจากคดีดังกล่าว มีการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐ หรือหมายถึงผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จึงจะส่งเรื่องต่อให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ไต่สวนข้อเท็จจริง ตามที่ได้มีผู้ร้องหรือมีผู้กล่าวโทษเข้ามา
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นพยานมี 2 คน ให้การว่าเขารู้เห็นในเรื่องรายละเอียดที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันข้อเท็จจริงตามหนังสือทั้งหมด ทั้งเรื่องการทุจริต การล็อกสเปก และการดำเนินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสัญญา ตามความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือ “คดีฮั้วประมูล” ม.10 , ม.11, ม.12 และ ม.157 ตามประมวลกฎหมายอาญา
จากข้อมูลเบื้องต้นเจ้าหน้าที่รัฐที่ถูกกล่าวโทษ แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- ผู้บริหารขององค์กรอิสระ ไม่ระบุชื่อว่ามีใครบ้าง แต่เยอะพอสมควร
- คณะกรรมการที่เกี่ยวกับการออกแบบ 3 คณะ การก่อสร้าง 3 คณะ และการควบคุมงาน 4 คณะ รวม 10 คณะ
- คณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารภาครัฐ 1 คณะ รวม 15 ท่าน
ทำให้เจ้าพนักงานของรัฐที่ถูกกล่าวหาอยู่ที่ 70 กว่าคน ซึ่งเราจะเร่งสรุปสำนวนให้ได้ภายในสัปดาห์นี้ และจะส่งสำนวนให้กับ ป.ป.ช. ภายสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่าในรายชื่อที่มีการกล่าวโทษ มีรายชื่อของ ผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบันด้วยหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า เป็นชุดอดีต แต่จะมีชื่อผู้ว่าฯ สตง. คนปัจจุบันหรือไม่ ต้องรอให้ ป.ป.ช. ไต่สวนก่อน รายละเอียดอยู่ในสำนวน เพราะนับตั้งแต่เริ่มต้นจนปัจจุบัน
ถามย้ำว่าที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงของ สตง. ที่ถูกกล่าวโทษ ได้เข้ามาชี้แจงแล้วหรือไม่นั้น ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า มีหนังสือชี้แจงไป เรื่องของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาให้การ โดยเฉพาะในเรื่องรายละเอียดของการดำเนินการ รวมไปถึงกระบวนการต่างๆ ตลอดจนการจัดซื้อจัดจ้าง
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวถึงพฤติการณ์ การฮั้ว และหลักฐานที่พบในคดีนี้ คือ การดำเนินการควบคุมงานของบริษัท PKW ซึ่งในรายละเอียดตามหลักการคัดเลือกบริษัทแล้ว จะมีการพิจารณาอยู่ 3 หมวด รวม 100 คะแนน ได้แก่ วิธีการดำเนินการ 50 คะแนน บุคลากร 40 คะแนน ประสบการณ์ 10 คะแนน แต่ปรากฏว่าในส่วนของบุคลากร พบมีการปลอมลายมือชื่อ และ เอาชื่อบุคคลอื่น ซึ่งไม่มีความสามารถเป็นไปตาม TOR มาดำเนินการในเรื่องของใบเสนอราคาในการคัดเลือก รวมไปถึงพบการปลอมเอกสารที่ทำให้คะแนนตัวเองโดดเด่น ถือว่าเป็นความผิด จึงมีการกล่าวหาดำเนินคดีกับบริษัท PKW รวมแล้ว 6 คน
ส่วนกรณีที่มีผู้กล่าวหา คือ ในเรื่องการจ้างช่วง แต่ทาง สตง. ยืนยันว่าบริษัท ก้าวพีเคฯ ไม่ได้เป็นการจ้างช่วง และไม่มีรายชื่อ ทั้งหมดเป็นข้อมูลเอกสารประกอบให้ทาง ป.ป.ช. พิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริง
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของการควบคุมงาน ส่วนนี้พบความผิดปกติในการคัดเลือกบริษัทควบคุมงาน และวิธีการคัดเลือก ซึ่งปกติแล้วตามกฎหมายจะต้องมีหนังสือเชิญชวนไม่น้อยกว่า 3 ราย แต่ทาง สตง. เชิญไปทั้งหมด 19 ราย และใน 19 รายนี้ ปรากฏว่าไม่มีบริษัทผู้เชี่ยวชาญ แต่กลับพบว่าความผิดปกติของ 2 บริษัทที่เข้ามาร่วมกันภายหลัง และไม่ได้อยู่ในข้อเสนอ คือ บริษัท ว.และ สหายฯ และบริษัท PKW โดยทางผู้ดำเนินการได้ทำเรื่องขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เสนอไปที่คณะกรรมการวินิจฉัยข้อกฎหมายตาม ม.29 เพื่อให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎกระทรวง ทำให้มีการกล่าวหาว่า การยกเว้นเรื่องนี้ เป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ 2 บริษัทนี้หรือไม่
ทั้งนี้จากหลักฐานพบว่า มีการยกเว้นจริง แต่เรื่องการดำเนินการหรือเรื่องเอื้อประโยชน์หรือไม่ เป็นเรื่องต้องไต่สวนของทาง ป.ป.ช. ไม่สามารถตอบได้ เพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน
ร.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้วันเดียวกัน (4 มิ.ย.68) ดีเอสไอ ยังได้เชิญกรมโยธาฯ เข้ามาดำเนินการในเรื่องของการคัดเอกสาร หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจค้นทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 2 เรามีเอกสารทั้งหมด 121 ลัง โดยเราจะพยายามคัดข้อมูลที่เกี่ยวข้องในประเด็นตามคำกล่าวหาส่งไป แต่ส่วนในส่วนไหนที่ไม่เกี่ยว จะส่งคืนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมไปถึงหลักฐานบางอย่างที่จะต้องรอผล เช่น สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ก็จะส่งไปในภายหลังด้วย
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวทิ้งท้ายว่า ส่วนกรณีการติดตามตัว ผู้ต้องหารายสำคัญ คือนายบิงลิน วู ซึ่งเป็นนายทุนชาวจีน เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง อีกหนึ่งรายที่เหลือจากในคดีนอมินี หรือคดีพิเศษที่ 32/2568 นั้น ขอยืนยันว่า มันเป็นเรื่องกระบวนการการสืบค้น เรามีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คิดว่าไม่นาน เพียงแต่ว่าเรารอสำนวนนิดหนึ่ง เพราะมีปัญหาในเรื่องของการปฏิบัติเล็กน้อย ส่วนกระบวนการจับกุมมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







