ฉากรบ ‘สุชาติ’ - ‘พีระพันธุ์’ เปิดเกมบีบ ‘เอกนัฏ’ ย้ายข้าง

ฉากรบ ‘สุชาติ’ - ‘พีระพันธุ์’ เปิดเกมบีบ ‘เอกนัฏ’ ย้ายข้าง

สถานการณ์ของ “รทสช.” จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “เอกนัฏ” ที่ต้องบริหารความเสี่ยงทางการเมือง จะเลือกหนุน “พีระพันธุ์” หรือเลือกข้าง “บิ๊กเนม” หลังฉาก

KEY

POINTS

  • พรรครวมไทยสร้างชาติ เดินเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ภายหลังมีภาพ สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ร่วมวงหารือกับ สส.ถูกปล่อยออกมา
  • ส่งสัญญาณกดดันตรงไปยัง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประจวบเหมาะกับ "หัวหน้าพี" ไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาในพรรคได้ สไตล์ส่วนตัว - คนใกล้ตัว ทำให้ห่างเหินกับ สส. พรรค
  • โดยที่ผ่านมามี "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์" ช่วยประคับประคอง โดย สส. ส่วนใหญ่ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ ศึก "สุชาติ" ฟาด "พีระพันธุ์" ตัวแปรจึงอยู่ "เอกนัฏ" ว่าจะเลือกฝั่งไหน 

พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ภายหลังมีภาพ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรค รองหัวหน้า รทสช. ร่วมวงหารือกับ สส.ถูกปล่อยออกมา เพื่อส่งสัญญาณทางการเมือง

ตัวเลขตามข่าวปล่อย สส. รทสช. ใน “กลุ่มสุชาติ” มีอยู่ 23 คน จากทั้งหมด 36 คน แต่หลังภาพงานเลี้ยงถูกเผยแพร่ มี สส. ที่อยู่ในภาพปฏิเสธว่า ไม่ได้สังกัด “ซุ้มมังกรน้ำเค็ม” โดยเฉพาะ สส. เขต

มีการสอบถามกันในไลน์กลุ่ม ถึงเจตนาการปล่อยภาพ เพราะผู้ประสานทั้ง “สุชาติ” แจ้งวาระร่วมสังสรรค์ แต่เมื่อมีภาพหลุด จึงส่งผลกระทบต่อ สส. เขต ที่ต้องอธิบายกับฐานเสียงในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม “สุชาติ” ยืนยันตัวเลข สส. ในกลุ่ม ว่ามีไม่ต่ำกว่า 20 คน ที่ตัดสินใจร่วมอุดมการณ์เดียวกันกว่า 5 เดือนแล้ว พร้อมท้ารบไปยัง “หัวหน้าตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช.

บรรยากาศภายในพรรค รทสช. ที่ผ่านมา ภายนอกดูคลื่นลมสงบ แต่ภายในแนวรบเปิดศึกกันหลายด้าน เนื่องจากยี่ห้อ “พีระพันธุ์” มีความเป็นตัวเองสูง ประกอบกับแรงหนุน - แรงยุ - แรงอาฆาต ของ “คนข้างกาย” ที่หากไม่ถูกชะตากับใครมักจะผลักไปเป็นศัตรู ยิ่งทำให้ระยะห่างระหว่าง “ลูกพรรค” กับ “หัวหน้าพรรค” เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ความระหองระแหง พัฒนาเป็นความโกรธแค้น

อีกทั้ง“พีระพันธุ์” เชื่อมั่นในความเป็น “นักกฎหมาย” ของตัวเอง โดยในช่วงการตรวจคุณสมบัติรัฐมนตรี “กฤษฎีกา” ได้ทักท้วงการถือหุ้นบริษัท และการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทแล้วว่า อาจจะสุ่มเสี่ยง แต่“หัวหน้าพี” ผู้มีดีกรีเป็นอดีตผู้พิพากษา มั่นใจว่าไม่ผิด จนนำมาสู่คดีฟ้องร้อง

รวมถึงกรณีถุงยังชีพติดรูปพีระพันธุ์ แจกให้ประชาชน ซึ่งอยู่ในชั้นสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยิ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญ “พีระพันธุ์” เปิดฉากรบกับ “บิ๊กหลังฉาก” แบบไม่มีใครยอมใคร ภายหลังตะเพิด “เด็กนาย” ออกจากกรรมการบริหารพรรค รทสช. ทำให้แรงแค้นเพิ่มทวีคูณ

ทั้งหมดจึงเป็นเหตุที่ทำให้ “พีระพันธุ์” เดินเข้าสู่เรดโซน เป็นช่องให้ “ศัตรูเก่า - ศัตรูใหม่” เปิดฉากไล่ถล่ม

ทว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ “หัวหน้าพี” ยังอยู่รอดในตำแหน่งมากว่าขวบปีที่ห้ำหั่นกัน อยู่ที่ตัวของ “เลขาฯขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรค รทสช. ที่ประคับประคองเป็นแบ็คอัพชั้นดี

ฉากรบครั้งแรก “พีระพันธุ์” มี “เอกนัฏ” ให้การสนับสนุน จึงอยู่รอดปลอดภัย เนื่องจาก “เลขาฯขิง” มีกองกำลัง สส. คอยให้การสนับสนุน โดยเฉพาะ สส. ภาคใต้ ขณะเดียวกัน สส. เขต ในหลายพื้นที่ยังให้ความไว้วางใจ

ศึกภายในพรรค รทสช. มีอยู่เกือบตลอดเวลา แต่ “พีระพันธุ์” ไม่ได้เคลียร์ปัญหาด้วยตัวเอง จึงเข้าทางฝ่ายแค้นที่สามารถหาเหตุผลเล่นงาน จนนำมาสู่เกมล้ม “หัวหน้าพี”

ฉากรบครั้งล่าสุด ประจวบเหมาะกับช่วงกระแสข่าวปรับครม.หนาหู “สุชาติ” เปิดเกมระดม สส. แจ้งเจตจำนงขอย้ายไปซบ “พรรคโอกาสใหม่” บีบให้จนมุม

ทว่าหากอ่านสัญญาณจาก “กลุ่ม สส.” หลายคนยังรอท่าทีอย่างเป็นทางการของ “เอกนัฏ” โดยเฉพาะ สส. ภาคใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดของ “รทสช.”

หาก “เลขาฯขิง” เลือกเท “หัวหน้าพี” โอกาสที่ “บิ๊กเนม” หลังม่านจะกำจัดเสี้ยนหนามออกจาก “รทสช.” เป็นไปได้มาก แต่หาก “เอกนัฏ” เลือกอยู่ข้าง “พีระพันธุ์” ปฏิบัติการยึด “รทสช.” ย่อมมีน้อยลงทันที

สถานการณ์ของ “รทสช.” จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “เอกนัฏ” ที่ต้องบริหารความเสี่ยงทางการเมือง จะเลือกหนุน “พีระพันธุ์” หรือเลือกข้าง “บิ๊กเนม” หลังฉาก