แผนลับจุดไฟ‘ไทย-กัมพูชา’ กองทัพ เรียกร้อง รัฐบาลแพทองธาร ถูกรุกประชิด

ทัวร์ลง "รัฐบาลแพทองธาร" หลังเบรก ข้อเรียกร้องของ"กองทัพ" ให้ปิดชายแดนหลังถูกกัมพูชาเคลื่อนกำลังมารุกประชิด ท่ามกลางกระแส ผลประโยชน์ทับซ้อน 2 ตระกูลการเมือง
KEY
POINTS
- จับตาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก ต่อจากนี้จนถึงวันที่ 13 มิ.ย.จะปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ
- กระแสคนในชาติกำลังไม่สบายใจท่าทีของ“รัฐบาลไทย”ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
“นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร และ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯและรมว.กลาโหม โดนทัวร์ลงหนัก พลันที่มีข่าวสั่งห้ามกองทัพปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา
หลัง“กองทัพ”ทำหนังสือบอกเหตุผลความจำเป็น หลังโดนกัมพูชารุกหนักเข้าประชิดพื้นที่อ้างสิทธิ์อยู่ในพื้นที่ไทย กำลังทหารกัมพูชาครึ่งกองทัพพร้อมอาวุธหนักประจำอยู่ที่ช่องบก และมีท่าทีคุกคามด้วยการหัน ปลายกระบอกปืนใหญ่ เข้าหาฝ่ายไทย
ในหนังสือย้ำว่า ทหารไม่สบายใจที่ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้าพื้นที่ หากไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเท่ากับยอมรับ ดังนั้นจำเป็นต้องประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดแนว เพื่อรักษาอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน
ทว่า “ภูมิธรรม” บอกกองทัพใจเย็นๆ ให้ใช้ความอดทนอดกลั้น หวั่นจะกระทบ การท่องเที่ยว และการค้าขายตามแนวชายแดน ซ้ำเติมวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ
อีกทั้งการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ Joint Boundary Committee (JBC)ไทย-กัมพูชา จะมีขึ้นกลางเดือน มิ.ย. นี้เพื่อหาแก้ไขปัญหาดังกล่าว
แต่ในทางลับ ผู้นำฝ่ายกัมพูชาทั้ง ฮุนมาเนต นายกฯ พล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา สายตรงมาถึง แกนนำรัฐบาล ขอให้ระงับการปิดด่านไว้ก่อน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสคนในชาติกำลังไม่สบายใจท่าทีของ“รัฐบาลไทย”ต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จนน่าแปลกใจ ในขณะที่ “รัฐบาลกัมพูชา”แสดงท่าทีแข็งกร้าว ขู่ฟ้องไทยนำพื้นที่พิพาทสู่ศาลโลก พร้อมประกาศใช้กำลังทหารหากเห็นว่าถูกบุกรุก
ปรากฏการณ์ฝ่าย “กัมพูชา” เดินเกมเร็ว-แรง อย่างเห็นได้ชัด “กัมพูชา” เดินเกมเร็ว-แรง อย่างเห็นได้ชัด ยิ่งใกล้วันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่ “ทักษิณ ชินวัตร” กรณีพักรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่ วันที่ 13 มิ.ย.นี้
ประเดิมด้วย ฮุนเซน ประธานพฤฒสภากัมพูชา เพื่อนรัก “ทักษิณ” โพสต์ข้อความโซเชียลแสดงท่าทีแข็งกร้าว งัดรูปภาพตามสถานที่ต่างๆมาอ้างเป็นหลักฐานเคลมพื้นที่อ้างสิทธิ์กับไทย
โดย ฮุนมาเนต ระบุว่า "ขอย้ำว่า แม้ว่ากัมพูชาจะพยายามแก้ไขพรมแดนอย่างสงบสุขตามกลไกเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศ แต่กัมพูชายังคงรักษาสิทธิ์ในการปกป้องอาณาเขตของตนโดยทุกวิธี รวมถึงการใช้กําลังติดอาวุธในกรณีที่มีความพยายามที่จะบุกรุกอาณาเขตของกัมพูชาโดยใช้กองทัพทหาร"
พร้อมกับยืนยันว่า กัมพูชายึดมั่นในการแก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติสุขผ่านกลไกทางเทคนิคและกฎหมายระหว่างประเทศเป็นรากฐานหลัก โดยในเรื่องนี้ได้สั่งให้กัมพูชา - ประเทศไทย ดังนี้ 1. จัดประชุม JBC กับคู่ไทย ทันที เพื่อดําเนินงานสํารวจ ทําลาย และติดเครื่องหมายชายแดนระหว่างสองประเทศ
2. เตรียมบรรจุในวาระการประชุม JBC หัวข้อการนําประเด็น Ta Moan Thom Ta Moan Toch, วัด Ta Kro Bei และพื้นที่ Mombei ไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ฮุนเซน ประกาศสนับสนุน ฮุนมาเนต นายกฯกัมพูชา บุตรชาย ฟ้องไทยและนำข้อพิพาทพื้นที่อ้างสิทธิ์ปราสาทตาเมือนธม-ตาเมือนโต๊ด-ตาควายและสามเหลี่ยมมรกตไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
สำหรับท่าทีของกองทัพบก พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ช่องบก ในขั้นตอนแรก ทั้งสองฝ่ายจึงถอยห่างจากจุดปะทะ และให้ คณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC มาดูในเป็นเรื่องปักปันเขตแดน หรือกฎหมาย ข้อตกลง ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดยข้อตกลงที่ พล.อ. พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ไปพูดคุยกับ ผบ.ทบ.กัมพูชามีเห็นตรงกัน 3 ประเด็นคือ การถอยกำลังออกจากพื้นที่ จุดปะทะ และใช้กลไก JBC มาร่วมแก้ปัญหาเรื่องเขตแดน เรื่องสนธิสัญญา และข้อปฎิบัติตามเอ็มโอยู จะระมัดระวังดูแลกำลังพลพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
“กติกาที่ทำมาก่อนหน้านี้ เส้นที่มีอยู่แล้วของ 2 ประเทศไม่ได้ทับกัน เช่น พื้นที่ที่มีการขุดคูเลตเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างจัดทำเขตแดน ซึ่งตามกติกาที่ใช้ร่วมกันมาอยู่ได้ตลอด ไม่ให้มีการดัดแปลงสภาพภูมิประเทศ ต้องไม่มีการวางกำลังทหาร วางปืนหันหน้ามาฝ่ายไทย เราจึงต้องมาร่วมกันรักษากติกาข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อกันให้ได้ ก่อนที่จะไปใช้กลไกอื่นๆ”
อีกข้อสังเกตการประชุมเจบีซี รอบนี้ “กัมพูชา” เป็นเจ้าภาพ จะเป็นฝ่ายกำหนดวัน เวลา และสถานที่ในการประชุม หาทางออกปัญหาความขัดแย้งบริเวณช่องบก ประมาณกลางเดือน มิ.ย.ซึ่งการกำหนดวันคงล่วงเลยวันที่13 มิ.ย.แน่นอน
ต้องจับตาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก ต่อจากนี้จนถึงวันที่ 13 มิ.ย.จะปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้ผลคดีชั้น14 เป็นคุณหรือโทษต่อ“ทักษิณ”
กรณีเป็นโทษ ย่อมไม่ส่งผลดีต่อชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก ซึ่งอาจลากยาวไปตลอดแนว ไปยังจังหวัดสระแก้ว จังหวัดศรีสะเกษ อาจลุกเป็นไฟ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจคนไทยทั้งประเทศให้จดจ่ออยู่กับสถานการณ์สู้รบชายแดน-กัมพูชา
ไม่ต่างกับคดีรับจำนำข้าว กรณี“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” มวลชน-กองทัพสื่อและคนไทยพุ่งความสนใจไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่สุดท้าย “ยิ่งลักษณ์” หลบหนีออกนอกประเทศ ไม่มาตามนัด
ความสัมพันธ์ “ตระกูลชินวัตร-ฮุนเซน”ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ผูกโยงเรื่องการเมืองภายในสองประเทศ ผลประโยชน์สองตระกูล นำไปสู่การเกี่ยวดองทางเครือญาติ ระหว่างบุตรสาว “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว “ทักษิณ” กับบุตรชาย นักการเมือง คนสนิท “ฮุนเซน”
หากยังจำกันได้วันเกิดครบรอบ 71 ปี 2566 ความปรารถนา 2 เรื่อง ของ “ฮุนเซน” คือการได้เห็น “ทักษิณ”เพื่อนรัก กลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ
อยากเห็น“ลูกชาย“ ฮุนมาเนตกับ”ลูกสาว” แพทองธาร ชินวัตร ได้ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ สองประเทศไปด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา แน่นแฟ้นขึ้นไปอีก
มาวันนี้ “ทักษิณ” เพื่อนรัก “ฮุนเซน”กลับต้องเผชิญปมร้อนคดีชั้น14 ที่ไม่รู้ว่าผลจะออกมาทิศทางใด ก็ต้องหาทางหนีทีไล่ส่วน “นายกฯอิ๊งค์”ที่เอ็นดูเหมือนลูกสาว ก็ต้องมีคำตอบที่สมเหตุสมผล
จึงเป็นที่มาการจุดไฟขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชาไม่ว่าผลลับคดีชั้น 14 จะออกมาเป็นเช่นไร“กัมพูชา”มีแต่ได้กับได้ ส่วน“ไทย” มีแต่เสียกับเสีย เมื่อถูกจับจ้องเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของสองตระกูล







